กรณีพระมนัส ไปธุดงค์ภายในถ้ำพระไทรงาม บริเวณสำนักสงฆ์ อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ต่อมามีปริมาณฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 4-6 เม.ย. ทำให้บริเวณปากถ้ำและภายในถ้ำเต็มไปด้วยน้ำท่วมขังสูง พระมนัสที่อยู่ภายในถ้ำพระไทรงามไม่สามารถออกมาได้ ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือ โดยสามารถนำตัวพระมนัสออกมาจากถ้ำได้ในเวลา 11.30 น. ของวันที่ 7 เม.ย. 64
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พลิกแผนถ้ำหลวง 2 ช่วยพระระทึกใช้สูตร 4 ประกบกับจีวรและของ 4 ชิ้นทำรอด
- 3 ฤๅษีอึ้งลำแสงปริศนาโผล่ถ้ำพระไทรงาม เผยใครฉกเหล็กไหลออกถ้ำไม่ได้
- เจ้าสำนักพาสื่อดูถ้ำพระไทรงาม เจอฤๅษีเผยความสะพรึง 2 ศพเซ่นเหล็กไหล
- ระดมคนครึ่งพันช่วยพระธุดงค์ติดถ้ำ สื่อบุกจุดวิกฤตน้ำป่าทะลักปิดทางออก
วันที่ 8 เม.ย. 64 พระพิโมกข์ ปภัสสโร หัวหน้าที่พักสงฆ์ถ้ำพระไทรงาม นำทีมข่าวเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ พบว่าในวันนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงประมาณ 10 เซนติเมตร ภายหลังไม่มีฝนตกลงมาตั้งแต่วานนี้ เดินไปตามทางที่พระมนัสเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม โถงถ้ำที่ยังมีน้ำท่วมขังประมาณ 20- 50 เซนติเมตร ระหว่างทางมีหินงอกหินย้อย สลับกับเนินทราย บางจุดต้องปีนก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นไป
ห่างจากปากถ้ำประมาณ 300 เมตร มีหินย้อยเป็นแท่งยาว เชื่อกันว่าเป็นหลักเมืองของถ้ำ มีชาวบ้านนำผ้าหลากสีมาผูกไว้ ถัดไปประมาณ 100 เมตร จะเป็นจุดแอ่งกระทะที่พระมนัสเดินมุดหินย้อยไปนั่งสมาธิอีกฝั่ง พบว่าเป็นโถงขนาดใหญ่ มีเนินทรายอยู่ด้านข้าง จุดที่เป็นหินย้อยยังมีน้ำท่วมสูงกว่า 4 เมตร ทำให้ไม่สามารถมองเห็นช่องด้านล่างที่จะมุดเข้าไปโถงด้านในได้
พระพิโมกข์ กล่าวว่า บริเวณนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นเมืองลับแล เนื่องจากเวลาเข้ามามักจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ทั้งเสียงคนพูดคุยกัน เสียงสัตว์ เสียงไก่ขัน ทั้งที่อยู่ภายในถ้ำ จึงคิดว่าอาจจะมีอีกภพภูมิอยู่บริเวณนี้
ส่วนตนก็เคยได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกัน แต่คิดว่าอาจจะอุปาทานไปเองเวลาอยู่ในความเงียบ นอกจากนี้ ปกติช่วงหน้าแล้ง มักจะมีพระและนักปฏิบัติธรรมมานั่งสมาธิที่เนินทรายติดกับแอ่งกระทะ เพราะเป็นจุดที่เย็นสบาย รับลมได้ดีที่สุดในถ้ำพระไทรงาม
สืบเนื่องจากช่องยูทูบ "MGR Online VDO" มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ที่เคยมีพระและฤๅษีมานั่งภายในถ้ำดังกล่าว สวดคาถาตามความเชื่อเกี่ยวกับพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเหล็กไหล หินงอกหินย้อนสีดำ
พระเลิศศักดิ์ รัตติโก หรือ หลวงตาหลอด ผู้ช่วยดูเเลสำนักสงฆ์พุทธมณฑล จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพระที่เข้าไปในถ้ำเขาพระงามไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง เปิดเผยว่า ตนเองเข้าไปยังถ้ำเเห่งนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2553 เพื่อชมความงดงาม หลังจากนั้นก็เข้าไปอีกหลายครั้ง เพื่อปฏิบัติธรรม ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องด้านในถ้ำ ที่ผ่านมาก็จะเข้าไปตอนเช้า กลับออกมาตอนเย็น
สำหรับลักษณะของถ้ำมีทั้งหมด 4 โถง
โถงที่ 1 ระยะทางห่างจากปากถ้ำประมาณ 300 เมตร มีความกว้าง เนื้อที่ประมาณ 1 งาน ความสูงของโถงประมาณ 9 เมตร
โถงที่ 2 เดินถัดจากโถงเเรก ผ่านช่องเเคบ ประมาณ 300 เมตร ความกว้างของโถงครึ่งงาน ความสูงของโถง 5 เมตร ลักษณะจะมีหินงอกหินย้อยเป็นจำนวนมาก
โถงที่ 3 เป็นห้องเหล็กไหลเดินถัดจากโถงหินย้อยประมาณ 300 เมตร ความกว้างของโถงนี้ประมาณครึ่งงาน ความสูงของโถง 3 เมตร ลักษณะเป็นหินสีดำ เชื่อว่าเป็นเหล็กไหล ที่ผ่านมาพระสงฆ์จะนิยมไปนั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐานที่โถงนี้
โถงที่ 4 ระยะทางห่างจากโถงเหล็กไหลประมาณ 300 เมตร มีความกว้างมาก เนื้อที่ประมาณ1 ไร่ ลักษณะเต็มไปด้วยหินสีดำ เชื่อว่าเป็นเมืองของพญานาค
ซึ่งตนเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องเหล็กไหล ไม่เคยทำพิธีเกี่ยวกับเหล็กไหล ยืนยันว่าที่ผ่านมาเข้าไปนั่งวิปัสนา ปลุกเสกพระเครื่องเท่านั้น
ทั้งนี้หลวงตาหลอด ได้นำพระที่นำเข้าไปปลุกเสกในถ้ำมาให้ทีมข่าวดู ประกอบด้วย พระพุทธชินราช ช่วยอยู่ยงคงกระพัน คลาดเเคล้วปลอดภัย, พระพุทธชินราชใบเสมา อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย, พระนางพญา ช่วยเรื่องเมตตามหานิยม ร่ำรวย เงินทอง และพระขุนเเผน ช่วยเรื่องเมตตามหานิยม ร่ำรวยเงินทอง
