จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางคล้า รับแจ้งเหตุแม่ลูกรมควันฆ่าตัวตาย เหตุเกิดในหมู่บ้าน ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทราบางคล้า กำลังช่วยกันงัดรถเก๋ง
ภายในรถมีคนติดอยู่ 3 คน คือ น.ส.โชติกา อายุ 34 ปี แม่เด็ก อยู่ที่เบาะคนขับ, เด็กหญิงเฮ อายุ 6 ขวบ อยู่เบาะข้างคนขับ ชีพจรไม่เต้นแล้ว ส่วนเด็กชายทีม อายุ 2 ขวบ อยู่ที่เบาะหลัง ชีพจรยังเต้นอยู่ แต่เต้นช้ามาก เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวทั้ง 3 ส่งโรงพยาบาลบางคล้า
แต่เด็กทั้ง 2 ราย เสียชีวิตต่อมาระหว่างนำส่งโรงพยาบบาล ส่วนแม่เด็กอาการหนัก หากรอดก็อาจเป็นเจ้าหญิงนิทรา บริเวณหลังรถพบเตาสำหรับปิ้งอาหารแนวยาวประมาณ 60 เซนติเมตร และขี้เถ้า แผงยาตกอยู่ 2 แผงคือ ยาโคนาซีแพรม หรือยานอนหลับที่หมอจะใช้กับผู้ป่วยจิตเวช สภาพถูกแกะแล้วประมาณ 17 เม็ด
วันที่ 30 มี.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุในบ้านหลังหนึ่ง ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ลักษณะบ้านเป็นบ้านชั้นเดียว ทรงโมเดิร์น ด้านในยังพบรถที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ ภายในบ้านและมีแนวกั้นเชือกของเจ้าหน้าที่กั้นอยู่
นายสราวุฒิ บุญสร้าง อายุ 42 ปี หัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทราจุดบางคล้า เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตนเองได้รับแจ้งจากศูนย์ 1669 มีประชาชนกินยาฆ่าตัวตายจำนวน 3 ราย เพื่อส่งกำลังอาสาไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อที่จะตรวจสอบให้เร็วที่สุด เมื่อมาถึงบ้านที่เกิดเหตุก็พบว่ามองเข้าไปในรั้ว เห็นเพื่อนบ้านที่เป็นพยาบาลกำลังทำ CPR อยู่ภายในบ้าน โดยจังหวะที่มีการประเมินตั้งแต่ตอนเข้าไปช่วยเด็กไม่มีชีพจรแล้ว จึงมีการนำออกนอกรถเพื่อทำ CPR โดยมีการประเมินแม่ของเด็กว่ายังมีชีพจรอยู่ โดยหลักการช่วยเหลือคือถ้าหากใครสามารถช่วยเหลือได้ก็ต้องช่วยก่อน
ตนเองจึงตัดสินใจปืนเข้าไปในบ้าน ประตูถูกล็อกเอาไว้จากด้านใน แต่เมื่อเข้าไปด้านในได้ เห็นผู้เป็นแม่นอนที่รถเบาะคนขับ แต่ยังมีลมหายใจ จึงตัดสินใจอุ้มผู้เป็นแม่ลงมาจากรถ และให้ลูกข่ายตัดกุญแจที่ประตูรั้วบ้านออก เมื่อเข้าไปด้านใน และนำขึ้นรถพยายาลและให้ออกซิเจน และปฐมพยาบาล จึงนำส่งตัวต่อ อาการดีขึ้นรู้สึกตัว แต่ให้การยังไม่ได้ ส่วนเด็กทั้ง 2 คนช่วงทำ CPR นั้น ไม่มีชีพจรแล้ว เหตุการณ์นี้ค่อนข้างสะเทือนใจมาก ตนเสียใจมากขณะเข้าไปช่วยเหลือ เพราะตนเองก็มีลูกเล็กด้วย
นายชัชวาล พูลผล อายุ 42 ปี พี่ชายสามีผู้ก่อเหตุ ลุงของเด็ก เปิดเผยว่า วานนี้เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อนบ้านด้านขวามือของบ้านที่เกิดเหตุ วิ่งมาหาตนเอง ซึ่งบ้านของตนเองอยู่บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุ มาถามว่าเป็นญาติของบ้านที่เกิดเหตุหรือไม่ เพื่อนบ้านบอกว่ารถมีการติดเครื่องไว้ที่บ้าน ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ตนเองจึงรีบวิ่งมาที่บ้านที่เกิดเหตุ มีตนเอง แม่ และน้องสาว รวมถึงเพื่อนบ้านอีก 2 คน ที่ปีนรั้วเข้ามาในบ้าน ประตูบ้านก็เปิดเอาไว้ ตนพยายามหาของแข็งรอบรอบบ้านเพื่อที่จะทุบเข้าไปในรถเนื่องจากว่ารถล็อกอยู่ และใช้เตาอั้งโล่ทุบเข้าไปบริเวณกระจกท้ายรถ
สภาพน้องสะใภ้และหลานทั้ง 2 คนอยู่ภายในรถ จึงช่วยกันนำตัวหลานออกมาทั้ง 2 คน เพื่อนบ้านที่เป็นพยาบาลมีการช่วยปั๊มหัวใจ รวมไปถึงดูชีพจรของน้องสะใภ้ตนเองว่ายังมีชีพจรอยู่ ขณะนั้นทุกคนก็อยู่ในอาการช็อก หลานทั้ง 2 คนตัวเริ่มเย็นและค่อนข้างตัวแข็งแล้ว โดยปมของเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องภายในครอบครัวของน้องชายตนเองและภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 13 ปีและหย่าร้างกันเมื่อประมาณปลายปี 2563 ที่ผ่านมา
ตนเองและครอบครัวยังเสียใจมาก เพราะหลานกำลังโต ยังไม่มีใครทำใจได้กับเหตุการณ์นี้ ส่วนศพเด็กทั้ง 2 ราย หลังจากนี้ต้องส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปทำพิธีทางศาสนาคริสต์ และนำไปฝังไว้ที่สุสานคริสตจักรบางคล้า
ขณะที่นายวสันต์ พูลผล พ่อของเด็ก หรือ สามีผู้ก่อเหตุ เดินทางมายังบ้านของพี่ชายด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ มีญาติคอยพยุง พ่อเด็กได้เปิดเผยข้อมูลว่า ยังทำใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เพราะทุกคนที่บ้านก็ยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนสาเหตุนั้นก็น่าจะมาจากปัญหาครอบครัว เพราะตัวเองและภรรยาแยกกันอยู่ตั้งต้นปี และมักมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ โดยพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะความคิดไม่ตรงกัน และก็มีอาการโรคซึมเศร้า แต่ภรรยาไม่ยอมรับว่าเป็น และอีกไม่นานภรรยาและลูกทั้ง 2 คน ก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งเตรียมห้องนอนและโรงเรียนของลูกไว้หมดแล้ว
โดยก่อนหน้านี้เหมือนมีลางบอกเหตุ เพราะลูกสาววัย 6 ขวบพูดเหมือนจะลาย่ากับพ่อ มีคำพูดว่า "เดี๋ยวจะไปแล้วนะ จะไม่อยู่แล้ว"
นอกจากนี้ มีคลิปที่แม่ของเด็กอัดวิดีโอร้องเพลงไว้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น เป็นเพลงแนวเศร้าและตัดพ้อกับชีวิตความรัก ซึ่งเจ้าตัวเป็นนักร้อง
ส่วนบนเฟซบุ๊กของ น.ส.โชติกา พูลผล อายุ 34 ปี พบว่า มีการโพสต์รูปภาพร่วมกับลูกทั้ง 2 คน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยมีการระบุว่า "จะไปละนะ" ส่วนสามีผู้บาดเจ็บก็มีการโพสต์ลูกสาวทั้ง 2 คนขณะนอนหลับ
นางสำอาง มิตร์ทวิน อายุ 45 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนเองรู้สึกผิดสังเกต เพราะได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์ภายในบ้านที่เกิดเหตุข้างบ้านของตนเองงติดเครื่องไว้ โดยตัวเองกลับมาถึงบ้าน หลังจากสอนหนังสือที่โรงเรียนประมาณ 18.00 น. ก็ได้ยินเสียงเครื่องรถ แต่ไม่ได้เอะใจ ถามลูกว่ามีเสียงรถยนต์ในบ้านหรือไม่ โดยลูกสาวก็บอกว่าได้ยินเสียงรถตั้งแต่ 16.00 น. แล้ว หลังจากนั้นจึงออกไปทำธุระที่บ้านพี่สาว กระทั่งประมาณ 21.00 น. กลับมาถึงบ้าน ก็ยังได้ยินเสียงรถอยู่ และออกไปรับประทานอาหารกับลูกสาวกลับมาอาบน้ำ ก็ยังพบเสียงรถติดเครื่องอยู่จึงคิดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น จึงเดินไปตามญาติมาที่บ้าน
ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยได้ยินทั้ง 2 คนสามีภรรยาทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน ตนเองไม่ได้กลัวผีหรืออาถรรพ์ ตนเองเคยพูดคุยกับฝ่ายสามีของผู้ก่อเหตุ เป็นคนอัธยาศัยดี แต่ไม่เคยคุยกับฝ่ายหญิง เพราะเข้าออกคนละเวลากัน ยอมรับว่าเสียดายเด็กทั้ง 2 คนเพราะน่ารักมาก เหตุการณ์น่าเศร้ามาก
