จากเหตุการณ์วันที่ 25 มี.ค. 64 เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.ประสิทธิ์ สมศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ.รัตนบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านที่มาเก็บผักบุ้งว่า พบศพคนนอนตายในสภาพเน่าผิวหนังเปื่อยยุ่ย คาดว่าจะน่าตายมาหลายวัน ที่บริเวณพื้นที่รกร้าง ด้านทิศเหนือ หมู่ที่ 9 ตำบลไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์
ผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายประเทือง พรหมประเสริฐ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ที่ 9 ตำบลไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ พบว่าเงินที่ติดตัวไป 40,000 กว่าบาท เหลือเพียง 100 บาท
วันที่ 26 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดใต้บูรพาราม ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายประเทือง พรหมประเสริฐ อายุ 50 ปี เวลาประมาณ 14.30 น. หลังจากการชันสูตรพลิกศพกู้ภัยได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมาไว้ที่วัด หลังจากที่ศพของผู้เสียชีวิตมาถึง นางรัชฏาภรณ์ ศรีขิม หรือ สาว อายุ 52 ภรรยาผู้ตาย ได้เดินทางมาที่งานศพ ทันที่เห็นโรงศพได้เดินปรี่เข้าไป และนำธูปขึ้นมาจุด
นางรัชฏาภรณ์ ศรีขิม หรือ สาว อายุ 52 ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนที่คนเก็บผักบุ้งแจ้งว่าเจอศพ ตนได้เดินไปดู และตนเป็นคนแรกที่จำสามีได้ โดยครั้งสุดท้ายที่เจอก่อนเป็นศพคือ ประมาณวันที่ 17-18 มี.ค. ผู้ตายมาร่วมงานศพ และกลับไปที่บ้าน จากนั้นก็ไม่เห็นอีก กระทั่งตนกลับมาจากงานศพก็ไม่เห็น และคิดว่าผู้ตายคงจะไปดื่มเหล้ากับเพื่อน ไม่ตามหา
ทั้งนี้ตนไม่ได้สงสัยใคร และตนไม่รู้ว่าผู้ตายหายไปไหนกับใคร เพราะตั้งแต่วันที่ 15-20 มี.ค. ตนไปช่วยจัดงานศพของพ่อตัวเอง ที่เพิ่งเสียชีวิตไป เลยไม่ได้กลับมาที่บ้าน ปกติตนอาศัยอยู่ด้วยกันตลอด มีแค่ช่วงที่ตนไปงานศพเท่านั้น เมื่อผู้ตายมาด้วยจากไปเช่นนี้ ตนก็ทำใจไม่ได้ และกินข้าวไม่ลง
หลังจากที่เจอศพสามี ตนยังไม่กล้ากลับไปนอนที่บ้าน และนอนกับเพื่อนแทน ซึ่งหลังจากนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับไปอยดีไหม ทั้งนี้ผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับแฟนเก่าของตน และตนยืนยันว่าลูกชายไม่เคยไปทำร้ายผู้ตาย เพราะวันที่จัดงานศพ ลูกชายของตนก็บวชหน้าไฟด้วย ก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยทำร้ายร่างกายตน และตนไม่เคยโกรธ เพราะตนรักผู้ตายมาก อีกทั้งผู้ตายยังเป็นคนดีมาก และเป็นคนหาเงินทำงานให้ อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกติดใจอยู่เรื่องเดียวว่าทำไมสามีถึงไปนอนตายอยู่ในกองหญ้า เพราะผู้ตายไม่เคยเดินผ่านทางนั้น และปกติผู้ตายเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคภัย
โดยระหว่างที่สัมภาษณ์อยู่ มีเสียงพลุก็ดังขึ้น ภรรยาของผู้ตายตกใจและยกมือขึ้น ก่อนจะร้องไห้กล่าวว่า "จะนอนเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน เพราะตนอยากจะดูศพของผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย"
นายทิม (นามสมมติ) ลูกชายของภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอผู้ตายคือ วันที่ 17 มี.ค. ตนเห็นว่าผู้ตายนั่งดื่มเหล้า และดื่มเหล้าที่บ้านของตนซึ่งจัดงานศพตา จนถึงเช้าและก็กลับบ้านไป ระหว่างที่มาร่วมงาน ผู้ตายไม่ได้ทะเลาะกับใคร และมีแค่ยายที่เข้าไปตักเตือนว่าอย่ามายุ่งกับคนอื่น เพราะเวลาผู้ตายเมามักจะชอบนอนไปเรื่อย ตนมาทราบจากยายของตนอีกว่าเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. วันที่เผาศพของตา ผู้ตายได้มาร่วมงานศพ แต่มีแค่ยายที่เห็น คนอื่นไม่เห็น
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ไม่เคยทะเลาะกับผู้ตาย และไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกัน เพราะตั้งแต่แม่ของตนติดเหล้า แม่ของตนไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และตนก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกับแม่ แต่ช่วงที่จัดงานศพของตา แม่มาอยู่ที่บ้านและเพิ่งจะกลับไป เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ทั้งนี้ผู้ตายไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายที่บ้าน ถ้าไม่มีงานก็ไม่ค่อยมาหา ส่วนเรื่องที่ทำร้ายร่างกายแม่ของตน ตนพอทราบเรื่องมากเพราะ ตนมักจะเห็นว่า แม่อยู่ในสภาพตาเขียว และล่าสุดที่เห็นคือก่อนจัดงานศพ ทุกครั้งที่ถามแม่ของตนมักจะบอกว่ารถล้ม ตนก็พยายามจะเชื่อ เพราะแม่ของตนมักจะเมาเป็นประจำ