ปะทะเดือด! สยบ "นิว เกาะจันทร์" อ้างตกใจยิงตำรวจตาย ญาติช็อกหวนค้ายาไม่ขอประกัน (คลิป)

จากกรณีนายวทัญญู โชติ หรือ นิว เกาะจันทร์ หนุ่มค้ายา ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ด.ต.ชิน เก่งศรี ตำรวจ สภ.เสม็ด เสียชีวิต และนายภูวริทธิ์ สายลับ บาดเจ็บสาหัส

ก่อนที่คนร้ายจะพยายามทำลายหลักฐานเป็นยาบ้า 6,600 เม็ด ไอซ์ 1-2 กรัม ในห้องน้ำมีการยัดถังชักโครกและละลายน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อทอง และรวมกว่า 100 นาย เข้าเกลี่ยกล่อมจนคนร้ายยอมมอบตัว

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 22 มี.ค. 64 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อทอง พร้อมหน่วยสวาท บูรพา 491 ได้เข้าโอบล้อมห้องเช่า อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี หลังจากคนร้ายก่อเหตุยิง ด.ต.ชิน เก่งศิริ อายุ 39 ปี และนายภูวริทธิ์ อายุ 36 ปี เป็นสายลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยคนร้ายได้นำอาวุธปืน และนำเสื้อเกราะของตำรวจมาใช้อยู่ในห้อง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความระมัดระวัง จนต้องให้ภรรยา ของคนร้ายมาช่วยเกลี้ยกล่อม แต่ตั้งประมาณ 19.30 น. จนไปถึงเที่ยงคืน ก่อนคนร้ายยอมมอบตัว

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด ได้มีการขยายผลจากผู้เสพของการจำหน่ายยาเสพติด จึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อยาเสพติด จนคนร้ายปรากฏตัว ทำให้ต้องมีการลงจากรถแสดงตัวขอจับกุม คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงที่พกอยู่ยิงเข้าที่ ด.ต.ชิน ประมาณ 5-6 นัด จนล้มลงหน้าห้อง และยิงไปในรถตำรวจที่มีสายลับอยู่

การจากสอบถามชาวบ้านได้ยินเสียงปืนเวลาประมาณ 19.30 น. ตำรวจโดนยิงล้มไป 1 นาย ส่วนสายล่อซื้อก็โดนยิงได้รับบาดเจ็บ และผู้ก่อเหตุเพิ่งจะย้ายมาอยู่ห้องแถวตรงนี้ประมาณกลางเดือนที่ผ่านม

วันที่ 23 มี.ค. 64 พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผู้กำกับการ สภ.บ่อทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวนายวทัญญู โชติ หรือ นิว 34 ปี ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบรับสารภาพ

เริ่มตั้งแต่จุดหน้าห้องเช่า ที่ทำการใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงตำรวจ เข้าที่หน้าผากจำนวน 1 นัด และเข้าไปยิงด้านในผ่านทางกระจกบานเก็ด โดยยิงใส่รถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเล็ต จนนายภูวริทธิ์ อายุ 36 ปี เป็นสายล่อซื้อ ถูกยิงกระสุนเข้าที่ท้องเจ็บสาหัส

จากการสอบถามทางผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนเองหลังจากมีการนัดเจอรับยาบ้า ซึ่งตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นตำรวจ เปิดประตูออกมาได้ปรี่เข้ามา ทำให้ต้องควักอาวุธยิงออกไปป้องกันตัว เนื่องจากตนเองอยู่ในช่วงถูกขู่ทำร้าย จึงมีความระแวงตลอดเวลา

"ถ้าตนรู้ว่าเป็นตำรวจคงไม่กล้ายิง ต้องขอโทษไปถึงครอบครัวของตำรวจ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะไม่ทำแบบนี้ รู้สึกเสียใจจริง ๆ" ผู้ต้องหา กล่าว

พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผู้กำกับการ สภ.บ่อทอง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตได้ทำการจับกุมผู้เสพ จนขยายผลไปถึงผู้ค้ารายย่อย จนทราบว่าผู้จำหน่ายรายใหญ่ คือนายนิว ซึ่งได้พ้นโทษคดีจำหน่ายยาเสพติด มาในวันที่ 19 ธันวาคม 2563 และเข้ามาเช่าอยู่ห้องที่เกิดในวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา และได้ติดต่อซื้อยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด ในราคา 60,000 บาท และมีการโอนเงินมัดจำ ไปจำนวน 2,000 บาท ก่อนที่จะมาจ่ายที่เหลือที่จุดนัดพบ

จนมาถึงทางดาบตำรวจชินได้แสดงตัว ทำให้ผู้ต้องหาได้ควักปืนยิงใส่ดังกล่าว ซึ่งก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ร่วมกับหน่วยสวาทเข้าโอบล้อม ใช้วิธีเจรจา ระหว่างนั้นทางผู้ต้องหายังมีการยิงปืนออกมาจนในที่สุดก็ยอมมอบตัว

ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้ทำลายหลักฐาน โดยนำยาบ้าไปละลายน้ำ นำทิ้งใส่โถส้วม เบื้องต้นได้มีการตั้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน โดยไม่ได้รับอนุญาต มียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ซึ่งสำหรับ ด.ต.ชิน เก่งศิริ อายุ 39 ปี ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เสม็ด ช่วยงานด้านปราบปรามยาเสพติดสืบสวนภาค 2 จบนักเรียนพลตำรวจตำรวจภูธร รุ่น 47 รับราชการครั้งแรก ที่ สภ.พนัสนิคม โดยที่ขณะนี้ ศพของตำรวจได้เก็บไว้เพื่อจะชันสูตร ที่โรงพยาบาลชลบุรี

ที่วัดแก้วชมพู สถานที่ตั้งสวดอภิธรรม ด.ต.ชิน เก่งศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด ช่วง 16.00 น. มีการเคลื่อนร่างของผู้ตายใส่โลง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเครื่องแบบเต็มยศแบกโลงเข้าศาลา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีครอบครัว คนสนิท เพื่อนๆ ถือรูป เสื้อผ้า เข้าสู่ศาลา

เมื่อเข้าสู่ศาลา คนใกล้ชิดต่างพากันร้องไห้ด้วยความเสียใจ พล.ต.ท.รอย องคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางมาเป็นประธานในพืธี ได้มีการเข้ารดน้ำศพ และพูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต แสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย และพรุ่งนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะนำเครื่องบินเคลื่อนศพของผู้ตายไปที่สนามบินอู่ตะเภา ปลายทางสนามบินอุบลราชธานี ก่อนเคลื่อนศพต่อไปยังบ้านเกิดใน จ.ศรีสะเกษ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเสียใจ โดยเบื้องต้นได้มีการการแจ้งสิทธิต่าง ๆ ที่จะได้รับ ทั้งต่อครอบคัวและบุตรในอนาคต เนื่องจากผู้เสียชีวิต เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการแจ้งเรื่องสิทธิและเงินช่วยเหลือไปแล้วราว 1.6 - 1.7 ล้านบาท พร้อมเตรียมขอพระราชทานชั้นยศ เป็น พ.ต.ท.

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ ผู้เสียชีวิตได้ทำตามยุทธวิถีตามขั้นตอน หลังจากมีการล่อซื้อ และทราบถึงที่ตั้งของคนร้าย จึงมีการพยายามเข้าจับกุม แต่ด้วยพื้นที่และคนร้ายที่มีอาวุธ ประกอบกับช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืน ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นประกอบกับคนร้ายมีพฤติกรรมทางจิตใจที่โหดร้าย และใช้อาวุธ ส่วนคนเจ็บอาการปลอดภัยแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นต้องชื่นชมในความกล้าหาญของผู้เสียชีวิต แต่เรื่องนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาทบทวนในยุทธวิถี และเครื่องมืออุปกรณ์ทึ่จะทำให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทำงานอย่างปลอดภัย

ด.ต.อัครินทร์ ทิโน ผู้บังคับหมู่สืบสวน สถานีตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อนร่วมงาน และคนที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นคนขยัน ตั้งใจทำงาน กล้าชน เป็นคู่บัดดี้ในการทำงานที่ดี แต่เมื่อวานนี้เกิดความผิดพลาด ทำให้เกิดเหตุขึ้น ขณะเกิดเหตุตนเองอยู่หลังห้องเช้า พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะคอยจับกุมคนร้าย หากมีการหลบหนีออกทางด้านหลัง ส่วนผู้ตายจะเป็นคนเผชิญหน้า โดยปฏิบัติตามยุทธวิธี ซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อผู้ตายปรากฎตัว คนร้ายอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจึงทำให้เกิดการสูญเสีย หลังจากเสียงปืนดัง คนร้ายมีการโวยวายบอกว่าจะยิงทุกอย่าง

ทัง้นี้ ตนเองก็เสียใจ เพราะก่อนเกิดเหตุไม่มีลาง ทุกอย่างปกติ ตนเองก็ต้องเสียบัดดี้ที่ดีไป ตนอยากบอกว่าตนรักพี่มาก ตนสัญญาจะทำหน้าที่ให้ดี ยึดถือแบบอย่างความกล้าของผู้ตายต่อไป

ด้านนายบอล (นามสมมติ) พี่ชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นครอบครัวไม่รู้เรื่องกับนายนิวมาก่อน ตนเองมาทราบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นก็ช่วงเช้า ยอมรับว่าตกใจมาก ก่อนหน้านี้นายนิวเคยต้องโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาครั้งหนึ่ง โดยติดคุกราว 3 ปี เพิ่งพ้นโทษมาวันที่ 19 ธ.ค.63 และกลับมาอยู่ที่บ้าน ครั้งนั้นตนเองก็สั่งสอน คนในครอบครัวก็สั่งสอนว่าอย่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก นายนิวก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก จากนั้นนายวทัญญูอยู่บ้านได้ 2-3 วันก็ออกจากบ้านไป ไม่ได้บอกทางบ้าน และขาดการติดต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเกิดเหตุช่วง 21.00 น. วานนี้ภรรยานายวทัญญูเป็นภรรยาเก่าที่เลิกกันช่วงที่นายวทัญญูต้องโทษราว 2 ปี คาดว่ายังคิดต่อกันเพราะมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่อดีตภรรยาวทัญญูก็มีครอบครัวใหม่แล้ว อดีตน้องสะใภ้โทรหาตนบอกว่านายวทัญญูก่อเหตุยิงตำรวจ ตอนแรกตนเองไม่เขื่อ คิดว่านายวทัญญูหลอนยาเสพติด ตนจึงบอกว่าให้อดีตน้องสะใภ้ไปตรวจสอบดู จนเช้าอดีตน้องสะใภ้ก็ไม่ติดต่อกลับมา จนมาทราบข่าว ครอบครัวตกใจ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะการยิงตำรวจตายเป็นเรื่องใหญ่ การกระทำของน้องชายทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แม่ก็แก่แล้ว ไม่อยากให้แม่รับรู้อะไรมาก แต่แม่ก็รู้เหตุตามข่าวแล้ว ยืนยันว่าครอบครัวไม่มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมน้องชาย หลังจากนี้คงไม่ไปประกันตัว แต่จะไปเยี่ยม เพราะครอบครัวอยากไปถามว่าทำไมถึงก่อเหตุเช่นนี้ ทำไมจึงกลับไปยุ่งกับยาเสพติดอีก