แม่ค้าแจงเทดอกดาวเรืองจากสวนเพราะไม่ตรงสเปก เผยควักค่ารถให้ขายที่อื่นยังไม่รับซื้อ (คลิป)

19 มี.ค. 64

จากกรณี วันที่ 17 มี.ค. 64 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกดอกดาวเรืองใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความที่ สภ.นางรอง หลังถูกแม่ค้าคนกลางชาว จ.กำแพงเพชร มาเจรจาขอรับซื้อดอกดาวเรืองที่ปลูกไว้รวมกันทั้งหมดกว่า 1 แสนดอก ทำสัญญาซื้อขายไว้เป็นหลักฐาน แต่เมื่อขนส่งไปให้ที่ จ.กำแพงเพชร เรียบร้อยแล้ว กลับไม่ได้รับเงิน อ้างว่ายังขายออกไม่ได้ ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ต่างได้รับความเดือดร้อนหนักมาก

235038

วันที่ 18 มี.ค. 64 น.ส.ภัทราภรณ์ ค้ำคูณ อายุ 38 ปี แม่ค้าดอกดาวเรือง อ้างเป็นผู้เสียหาย เปิดใจว่า เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตนได้ไลฟ์เฟซบุ๊กตัดดอกดาวเรืองที่ไร่ของตนเอง จากนั้นนางสาวภาณิชา คู่กรณี แม่ค้าคนกลาง ทักเฟชบุ๊กมาสอบถามตนว่าจะมาขอดูดอกดาวเรือง ซึ่งคู่กรณีเขาจะมาทำธุระที่ จ.นครราชสีมา จึงจะแวะเข้ามาดูดาวเรืองของตนใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

480048

กระทั่งวันที่ 1 มี.ค. ได้มาดูดอกดาวเรืองที่บ้านของตนแล้วรู้สึกชอบ บอกว่าดาวเรืองของตนสวยดี อยากได้ไปขาย แต่ดาวเรืองของตนวันนี้ เป็นไซซ์ใหญ่เบอร์ 0 และเบอร์ 1 ซึ่งตนขายให้ไม่ได้ เพราะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว แต่คู่กรณีเขาก็บอกว่าเขาอยากได้ดาวเรือง จึงไปหาซื้อกับชาวสวนจำนวน 6 คน ในระแวกหมู่บ้านตนมาให้โดยทำการขายดอกดาวเรืองให้เป็น 3 รอบ

159290

รอบแรก วันที่ 1 มี.ค. จำนวน 29,300 ดอก ราคา 5,603 บาท แบ่งเป็นเบอร์ 0 ขนาดใหญ่สุดจำนวน 250 ดอก เบอร์ 1 จำนวน 1,450 ดอก เบอร์ 2 จำนวน 7,000 ดอก เบอร์ 3 จำนวน 7,300 ดอก เบอร์ 4 จำนวน 13,300 ดอก ซึ่งเขามารับดอกดาวเรืองด้วยตนเอง

รอบ 2 วันที่ 2 มี.ค. จำนวน 43,800 ดอก เบอ 1 จำนวน 3,100 ดอก เบอร์ 2 จำนวน 8,200 ดอก เบอร์ 3 จำนวน 13,100 ดอก เบอร์ 4 จำนวน 19,400 ดอก รอบนี้ตนเหมารถไปส่งดอกไม้ให้ที่ จ.กำแพงเพชร ราคา 6,000 บาท

รอบ 3 วันที่ 10 มี.ค. จำนวน 25,000 ดอก เป็นดอกดาวเรืองสีทอง เบอร์ 1 จำนวน 1,400 ดอก เบอร์ 2 จำนวน 7,200 ดอก เบอร์ 3 จำนวน 6,000 ดอก

567045370767687437

ดอกดาวเรืองสีไข่ เบอร์ 1 จำนวน 100 ดอก เบอร์ 2 จำนวน 3,200 ดอก ซึ่งดอกดาวเรืองรอบที่ 3 ที่เป็นดอกสีทองให้ตนนำไปส่งที่แผงดอกไม้ปากคลองตลาด กรุงเทพฯ แต่เจ้าของแผงไม่รับดอกสีทองจำนวน 14,900 ดอกนี้ จึงถูกตีกลับ รอบนี้เขาเหมารถให้ตรไปส่งดอกไม้ราคา 6,000 บาท รวมดอกดาวเรืองทั้ง 3 รอบที่ตนขายให้เท่ากับ 98,100 ดอก ซึ่งทั้ง 3 รอบคู่กรณีก็ได้รับดอกดาวเรืองจากตนไปขายให้แผงดอกไม้ทุกรอบแล้ว แต่เขาไม่ให้เงินค่าดอกไม้ตนแม้แต่บาทเดียว เขาอ้างว่าดอกไม้ของตนไม่ได้ขนาด เป็นดอกดาวเรืองเบอร์เล็ก มีจำนวนไม่ครบตามต้องการ อ้างว่าดอกไม้ตนเน่า และเขาบอกอีกว่าเขาให้ค่ารถตนไปแล้ว

467921

หลังเกิดเหตุ วันที่ 11 มี.ค. ตนพยายามโทรศัพท์ไปหาคู่กรณีเพื่อขอเงินค่าดอกไม้ แต่เขาไม่รับสายตน มีรับสายไม่กี่ครั้ง และบอกให้ตนไปฟ้องเอง สำหรับดอกดาวเรืองที่ตนไปซื้อมาขายให้กับคู่กรณีนั้น ตนรับมาจากชาวสวน 6 ราย จาก อ.นางรอง อ.ชำนิ อ.ประโคนชัย และ อ.เมือง ประกอบด้วย 1.นางคำพอง 2.นางนิภา 3.นายภัทร 4.นางเอิง 5.นางนก 6.นายแจ๊ค รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท ตนพยายามติดต่อหาคู่กรณีเพื่อให้เขาจ่ายเงินให้ตนบ้าง ตนจะได้นำไปจ่ายลูกค้าทั้ง 6 รายที่รับมาแล้วยังไม่จ่ายเงินเขา แต่เขาก็ไม่ยอมจ่าย ซึ่งทั้ง 3 รอบที่ตนซื้อขายกับคู่กรณีนั้น ตนทำสัญญาซื้อขายกันแค่รอบแรกเท่านั้น วันนี้เวลา 10.00 น. ตนจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย

หลังจากที่ตนเป็นข่าวก็มีผู้เสียหายจาก จ.ตาก และ จ.สุรินทร์ ทักเฟชบุ๊กมาบอกตนว่าเขาก็เคยถูกคู่กรณีของตนโกงค่าดาวเรืองมาแล้วเหมือนกัน กรณีที่มีรายงานว่าคู่กรณีอาจฟ้องกลับตนเอง ตนขอบอกเลยว่าไม่กลัว ตนปล่อยให้เขาแจ้งความกลับตนเองได้เลย ที่ตนพูดคือความจริง ตนมีหลักฐานทุกอย่าง ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ถ้าเขายอมมาไกล่เกลี่ยกับตน ตนก็ยอมพูดคุย แต่ถ้าเขาไม่มาตนก็พร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ที่เขาอ้างว่าดาวเรืองของตนไม่ได้ขนาด ขอยืนยันว่าก่อนที่ตนส่งมอบดาวเรืองนั้น คู่กรณีเขารับรู้แต่แรกแล้วว่าดาวเรืองมีหลายขนาด ตนส่งรายละเอียดให้เขาดูก่อนทุกครั้ง

353222

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังหมู่ 7 ต.คลองพิไกร อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร บ้านของแม่ค้าคนกลาง ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ นางภาณิชา เขียนสอาด ผู้รับซื้อดอกดาวเรือง เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเดินทางไปส่งออเดอร์ดอกไม้ให้ลูกค้าตามปกติ ตามที่ลูกค้าสั่ง แต่ในวันนั้นตนได้ไปส่งให้กับลูกค้าที่โคราช ซึ่งในขณะที่กำลังส่งของให้ลูกค้าอยู่ มีลูกค้าประจำที่สั่งออเดอร์กับตนใน จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ ได้ทักมาหาตนว่ามีความต้องการอยากจะได้ดอกดาวเรือง 5 หมื่นถึง 1 แสนดอก

ซึ่งตนมีดอกดาวเรืองสต็อกไว้อยู่ที่บ้านแล้วบางส่วน แต่ยังมีไม่ครบจำนวนที่ลูกค้าต้องการ จึงโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่าต้องการดอกดาวเรืองจำนวน 1 แสนดอก ขนาดไซซ์จัมโบ้ ก่อนที่จะขับรถไปส่งต้นกล้าต่อใน ต.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งบังเอิญแม่ค้าดอกไม้คู่กรณีเห็นโพสต์ตน จึงได้ติดต่อมาบอกตนว่ามีดอกดาวเรือง ขนาดที่ตนกำลังตามหาอยู่ใน ต.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งตนเห็นว่า ระยะทางจากห่างกันไม่มาก จึงตัดสินใจไปแวะดูดอกไม้ พบว่าดอกดาวเรืองของแม่ค้าดอกไม้คู่กรณีตรงกับที่ลูกค้าต้องการ ตนทำการถ่ายรูปให้ลูกค้าดู และตกลงทำการสั่งออร์เดอร์ดอกดาวเรือง บอกให้ทำการแพ็คใส่ถุงให้ตนเลย

112044

ซึ่งในระหว่างที่แม่ค้าคู่กรณีแพ็คดอกไม้ใส่ถุงให้ตน เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ตนเลยเดินทางไปอีกตำบลเพื่อไปรับออร์เดอร์ดอกไม้จากแม่ค้ารายอื่นเพิ่ม จะนำมาส่งลูกค้า ก่อนจะย้อนกลับมาเพื่อรับออร์เดอร์จากแม่ค้าคู่กรณีอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่า ออร์เดอร์ที่ตนตกลงกับแม่ค้าคู่กรณีรายดังกล่าวไว้ กลับถูกส่งให้เจ้าอื่นไปแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าลูกค้าเจ้าอื่นได้สั่งออร์เดอร์ไว้ก่อนตน และยังอ้างกับตนต่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง ออร์เดอร์ดอกดาวเรืองที่ตนต้องการยังคงเหลืออยู่ จะรีบจัดการให้ใหม่ ด้วยความใจดี ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เสมือนว่าช่วย ๆ กัน เลยตกลงยังจะรับออร์เดอร์จากแม่ค้าคู่กรณีอยู่ แต่ตนก็ได้กำชับไว้แล้วว่าลูกค้าสั่งตนมาต้องการขนาดจัมโบ้ ถ้าดอกเล็กตนไม่เอา เพราะที่บ้านตนก็ยังมีดอกดาวเรืองไซซ์เล็กสต็อกไว้อยู่ โดยแม่ค้าคู่กรณีก็รับปากตกลง และขอถ่ายบัตรประชาชนตนเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ด้วยความเชื่อใจตนก็ให้ไปตามคำบอกของคู่กรณี ก่อนจะนัดวันเวลาส่งดอกไม้กัน

671193

กระทั่งวันต่อมา คู่กรณีก็นำรถขนดอกไม้มาส่ง แต่ดอกดาวเรืองไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ เป็นดอกดาวเรืองขนาดเล็ก เสมือนเป็นดอกดาวเรืองไซซ์ที่แม่ค้าคู่กรณีขายไม่ออก ดอกเน่า แล้วนำมาให้ตน ตนจึงไม่ขอรับ เนื่องจากไซซ์ที่นำมาส่งนั้นไม่สามารถนำไปส่งต่อให้ลูกค้าได้ แต่ตนก็ยังคงให้เงินจำนวน 6,000 บาท เป็นค่ารถกับแม่ค้าคู่กรณีเป็นค่าที่นำมาส่ง ทำให้เจ้าตัวเกิดความไม่พอใจ กระทั่งตนมาทราบข่าวว่าจากกลุ่มเพื่อนว่าแม่ค้าคู่กรณีนำตนไปพูดเสียหายผ่านสื่อ ตนเลยอยากจะออกมาชี้แจงความจริง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของแม่ค้าคู่กรณี เนื่องจากเหมือนเป็นการทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้คนในสังคมมองตนผิดจนอาจได้รับผลกระทบกับธุรกิจขายส่งดอกไม้ อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสได้พูดกับคู่กรณีตนก็อยากจะให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะหลังจากมีกระแสข่าวมามีผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกกระทำด้วย จึงอยากให้สังคมมองความ 2 ฝ่าย ก่อนจะพิจารณาหรือตัดสินอะไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส