กรณีเหตุเผาป่าข้างทางจนทำให้เกิดควันไฟจำนวนมาก ถนนสายบ้านน้ำเขียว อ.รัตนบุรี มุ่งหน้า ต.โพนโก อ.สนม จ.สุรินทร์ ส่งผลกระทบแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถมองเห็นทางได้ จนเกิดเหตุรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พุ่งชนรถบรรทุกร่างกระเด็นเข้าไปในป่าข้างทางที่กำลังเกิดเพลิงไหม้จนถูกไฟคลอก อาการสาหัส 1 เจ็บ 2 ยังรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ ซึ่งญาติบอกว่าโอกาสรอดริบหรี่
ต่อมาวิทยุจากศูนย์วิทยุ สภ.รัตนบุรี ได้แจ้งเหตุและระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจากอ.รัตนบุรี และอ.สนม พร้อมทั้งรถพยาบาลจาก รพ.รัตนบุรี และรถดับเพลิงจาก อบต.น้ำเขียว รุดเข้าทำการช่วยเหลือ
โดยที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนพ่วงข้าง ทะเบียน มลษ 788 กรุงเทพฯ จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ ห่างไปประมาณ 10 เมตร พบรถบรรทุกสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง ไม่ทราบยี่ห้อสีขาว ทะเบียน 82-7365 สุรินทร์ ซึ่งเป็นคู่กรณีจอดอยู่ข้างทาง และยังพบว่ายังมีเพลิงลุกไหม้ป่าอยู่บางส่วน
ทั้งนี้ชาวบ้านได้พากันช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บออกจากจุดเกิดเหตุมายังที่ปลอดภัยแล้ว เมื่อรถจาก รพ.รัตนบุรี เดินทางมาถึง ก็ได้เข้าช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งไปรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทุกรายมีอาการหนัก โดย 1 รายถูกเพลิงไหม้จนผิวหนักลอกไปทั่วร่างกาย ส่วนอีก 2 รายได้รับบาดเจ็บขาหัก และมีบาดแผลที่ใบหน้า และตามร่างกายหลายแห่ง ทราบชื่อเพียง 1 ราย ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขา เนื่องจากขาหัก คือนางมาลัย พิศเพ็ง อายุ 49 ปี ชาว ต.โพนโก อ.สนม เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงคันดังกล่าว
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 รายยังไม่ทราบชื่อ เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างการช่วยเหลือของแพทย์ ซึ่งทั้งหมดเป็นญาติกัน ก่อนเกิดเหตุได้พากันไปซื้อของที่ตลาด ในพื้นที่ อ.รัตนบุรี และกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านที่ ต.โพนโก อ.สนม แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้พบกับกลุ่มควันไฟหนาทึบ ทำให้มองถนนไม่เห็น จึงได้ขับรถหลบข้ามไปอีกเลน ซึ่งเป็นเลนที่รถสวนมา แต่เนื่องจากมองไม่เห็น จึงทำให้ชนกับรถบรรทุกที่ขับสวนมาพอดี จนทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 16 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายพูนศักดิ์ รักษานนท์ อายุ 57 ปี พี่เขยของนางจินตนา ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกไฟคลอกทั้งตัว เปิดเผยว่า อาการล่าสุดแพทย์แจ้งว่า นางจินตนาอาการหนักถึงขั้นโอกาสรอดน้อยมาก จึงอยากจะให้ญาติที่ใกล้ชิดที่สุดเข้าไปพบแพทย์เพื่อรับทราบอาการ และเซ็นเอกสาร ทั้งนี้ตนอยากจะให้คนที่เผามีความสำนึกผิดบ้าง เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อนกันหมด
