กรณีเหตุเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 เวลา 14.00 น. ตำรวจ สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงกันในร้านกาแฟ ภายในปั๊มน้ำมัน ใกล้แยกไชยาริมถนนสาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไชยา ทราบชื่อคนเจ็บ คือ น.ส.สุมิตา ชัยบุญเมือง หรือ โอ๋ อายุ 35 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิง 2 นัดที่อก เสียชีวิตในเวลาต่อมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดนาที ส.ต.อ.หึงโหด รัวกระสุนแฟนสาวดับคาร้านกาแฟ ก่อนยิงตัวเจ็บหวังตายตาม
ขณะที่คนก่อเหตุคือ ส.ต.อ.อภิชาติ ทองไซร้ หรือนิว อายุ 33 ปี ชาว จ.ตรัง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่อำเภอสิเกา จ.ตรัง มีบาดแผลถูกยิงที่ใบหน้า เจ้าหน้าที่เร่งนำทั้งคู่ส่ง รพ.ไชยา ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นทีมข่าวได้รับคลิปที่ถ่ายจากมือถือ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดบริการประชาชน สภ.ไซยา เป็นคนถ่ายคลิปเอาไว้ตั้งแต่แรก จนกระทั่งทีมกู้ภัยมาถึง สังเกตว่าหลังจากที่ ส.ต.อ.อภิชาติ ยิงตัวเองตาม ได้ล้มลงไปนอนกอดนางสาวสุมิตา แต่เจ้าตัวมีลักษณะผลักออก พร้อมกับพูดว่า "เจ็บอก จุกอก" ซึ่งไม่ต้องการให้ ส.ต.อ.อภิชาตินอนทับร่าง
แต่ช่วงเวลาผ่านไปประมาณ 3-4 นาที ส.ต.อ. อภิชาติ มีลักษณะอาการมึนเมาลุกขึ้นโวยวาย พร้อมกับบีบจมูกเพื่อขับเลือดในโพรงจมูกออก คล้ายกับสั่งน้ำมูก และยืนขึ้นโวยวายเหมือนคนกำลังปวดฉี่ เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะดื่มเบียร์ไป 3 ขวด 3 กระป๋อง ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาถ่ายคลิป พยายามห้ามปรามไม่ให้ ส.ต.อ. อภิชาติ ฉี่ภายในร้าน และกลัวว่า จะมีการฉี่ใส่ร่างของนางสาวสุมิตาที่นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณพื้น เจ้าตัวก็สวมใส่กางเกงกลับเหมือนเดิม และล้มตัวลงนอนทับร่างของนางสาวสุมิตา ช่วงนั้นนางสาวสุมิตายังมีสติ และขยับตัวได้
วันที่ 15 มี.ค.64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ มีร้านกาแฟตั้งอยู่ด้านในปั๊ม โดยพบว่าหลังเกิดเหตุได้มีการปิดให้บริการ 1 วัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่และเก็บพยานหลักฐานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางร้านอยู่ระหว่างการทำความสะอาด และเตรียมทำบุญใหญ่ในวันพรุ่งนี้
เมื่อช่วงเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก.สภ.ไซยา เดินทางลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ เยี่ยมและให้กำลังใจพนักงานในร้านกาแฟ เบื้องต้นได้มีการสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางสาวจุฑามาศ หรือ ลูกปัด อายุ 21 ปี พนักงานร้านกาแฟ พาไปยังห้องกระจกที่ผู้ตายสั่งกาแฟไปนั่งดื่มและทำงานอยู่จุดดังกล่าว ก่อนที่ ส.ต.อ.อภิชาติ ทองไซร้ หรือนิว จะเข้ามาเจอผู้ตาย พร้อมเล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ตายมาสั่งกาแฟที่ร้านและนั่งทำงานอยู่บริเวณโซฟาสีดำภายในห้องกระจก ระยะหลังสังเกตว่าผู้ตายเดินทางมาใช้บริการบ่อย ตนเองจำหน้าได้ว่าเป็นลูกค้าประจำของร้าน ช่วงก่อนเวลา 14.00 น. ส.ต.อ.อภิชาติ ได้ขับรถกระบะฟอร์ดสีขาวมาจอดข้างรถของคนตายข้างร้านกาแฟ และเดินตรงไปที่ห้องกระจก ทั้งคู่ทะเลาะและมีปากเสียงกันดังลั่น แต่ไม่รู้ว่าพูดคุยกันเรื่องอะไร
หลังจากนั้น ผกก.สภ.ไซยา ได้เดินเข้าไปภายในร้านกาแฟ พูดคุยกับนางสาวจุฑามาส และนายยุทธพงศ์ หรือเพชร อายุ 29 ปี พนักงานของร้านกาแฟ ซึ่งทั้งคู่ได้ให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุนางสาวสุมิตาได้วิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือวาส "ช่วยพี่ด้วย" จากนั้นก็พบว่า ส.ต.อ.อภิชาติ ตามหลังมา ก่อนที่จะมีการพูดคุยกันเรื่องประเด็นเงิน และเกี่ยวกับชายอื่น ก่อนที่จะก่อเหตุชักปืนยิงฝ่ายหญิงและยิงตัวเองตามที่ปรากฏอยู่ในภาพวงจรปิด
จากนั้นวิถีกระสุนก็ยิงไปโดนเพดาน และบริเวณเคาน์เตอร์ทำกาแฟ ซึ่งรอยกระสุนที่อยู่บนเพดานเกิดจากนัดที่ยิงคางของ ส.ต.อ.อภิชาติ แล้วกระสุนทะลุออกโครงจมูกฝั่งขวาใต้ตา ส่วนรอยกระสุนที่ติดอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ทำกาแฟ เป็นวิถีกระสุนที่ยิงเข้าชายโครงซ้ายของนางสาวสุมิตา คนตาย แล้วกระสุนทะลุออกไปโดนเคาน์เตอร์ทำกาแฟ
นายสาวจุฑามาส หรือ ลูกปัด และนายยุทธพงษ์ หรือ เพชร พนักงานร้านกาแฟซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงก่อนเกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ที่นางสาวสุมิตาเดินทางมาใช้บริการร้านกาแฟ เจ้าตัวเดินทางมาเพียงลำพัง ไม่ได้มีการนัดหมายคนอื่นมานั่งพูดคุยตามที่ ส.ต.อ.อภิชาติ ตั้งข้อสังเกต
แต่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ หลังจากที่รถของ ส.ต.อ.อภิชาติมาถึง ก็พบว่าได้ตรงเข้าไปที่ผู้ตายเพื่อมีการพูดคุยและมีปากเสียงกันบางเรื่อง จากนั้นผู้ตายก็ได้วิ่งมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ ส.ต.อภิชาติ จะหยิบเอาอาวุธปืนที่เตรียมมาในกระเป๋ายิงนางสาวสุมิตา 2 นัด แล้วยิงตัวเองตาม 1 นัด
ช่วงเวลานั้นพนักงานก็วิ่งออกจากร้านไปขอความช่วยเหลือที่ จุดบริการประชาชน สภ.ไซยา ซึ่งตั้งอยู่หน้าปั๊มน้ำมันให้เข้ามาที่เกิดเหตุ และวิทยุเรียกกู้ภัย แต่ในช่วงเวลานั้นสังเกตว่าฝ่ายผู้หญิงถูกยิงอยู่ในอาการเจ็บพูดแต่ว่า "เจ็บอก" ส่วนผู้ชายนอนร้องครวญคาง มีเลือดเต็มหน้า
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านพ่อของผู้ตาย ถูกใช้เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.สุมิตา ญาติได้มีการจัดเตรียมงาน เพื่อจะมีกำหนดสวดอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนแรก บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางอำภา ชัยบุญเมือง แม่ของคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกสาวจะถูกยิงเสียชีวิต ช่วงเย็น ได้รับโทรศัพท์จากญาติโทรมาบอกชื่อคน ๆ หนึ่งว่าโดนยิง ตนเองจึงตกใจมาก ทั้งชื่อและนามสกุลเป็นลูกสาว จึงได้รีบเข้าไปที่เกิดเหตุโดยทันที พบว่าลูกสาวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ทราบว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
จนกระทั่งทราบว่าลูกสาวทนพิษบาดแผลไม่ไหวสียชีวิต ตนรู้อย่างเต็มอกว่าเป็นฝีมือของใคร ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเตือนลูกสาวแล้ว 2 ครั้ง ว่าให้ระวัง ส.ต.อ.อภิชาติ เพราะเขามีปืน แต่ทุกครั้งที่เตือนลูกสาวก็มักจะได้รับคำตอบกลับมาว่า "ไม่เป็นไรหรอกแม่ เขาไม่กล้าทำอะไรหนู"
หลังจากที่ลูกสาวเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลไชยา ตนเองได้เข้าไปภายในห้องผู้ป่วยมี 2 เตียง ฝั่งซ้ายเป็นเตียงของ ส.ต.อ.อภิชาติ ที่กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ส่วนเตียงฝั่งขวาเป็นเตียงของลูกสาวที่คลุมร่างเอาไว้ ลูกสาวพูดก่อนที่จะหมดลมหายใจว่า "แม่ หนูเจ็บ" แต่ตนเองไม่ได้พูดคุยหรือร่ำลาลูกสาว หลังจากนั้นตนเองจึงตัดสินใจที่จะไปเขย่าขาของ ส.ต.อ.อภิชาติ ที่นอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ พูดว่า "มึงยิงลูกกูทำไม ทำไมไม่ตายตามลูกกูไป" จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกันออกจากห้อง
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ตนเองเชื่อว่าเป็นเพราะลูกสาวไม่รักและไม่คบหากับ ส.ต.อ.อภิชาติ เพราะลูกสาวได้ตัดสินใจที่จะออกห่าง เนื่องจากโดนทำร้ายร่างกาย ย้อนกลับไปช่วงประมาณ 4 ปีก่อน ส.ต.อ.อภิชาติ มาจีบและคบหาดูใจกับลูกสาว เข้ามาที่บ้าน มาขออนุญาตคบหากับลูกสาว บอกว่าหากดูใจกันระยะหนึ่งแล้วก็จะขอแต่งงาน ตนเองบอกว่าเรื่องของความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกสาว ก็ไม่ได้ห้ามหรือกีดกัน
แต่ช่วงหลังจากที่รู้จักกันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ลูกสาวได้เดินทางไปที่จังหวัดตรัง เพื่อไปช่วยงานบวชของญาติ ส.ต.อ.อภิชาติ ลูกสาวไปช่วยงานอย่างเต็มที่ พ่อของส.ต.อ.อภิชาติ ได้ใช้ให้ลูกสาวไปซื้อเบียร์ ส่วนแม่ของส.ต.อ.อภิชาติ ได้ไหว้วานให้ไปซื้อมะนาวในตลาด ลูกสาวก็ช่วยงานเต็มที่ แต่ด้วยส.ต.อ.อภิชาติ เกิดความไม่พอใจที่ผู้ตายไม่ได้อยู่เคียงข้าง ไม่ช่วยรับแขก ตบหน้าลูกสาวตนจนกระทั่งแว่นสายตาหัก ผู้ตายพยายามบอกส.ต.อ.อภิชาติ แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับฟัง ลูกสาวขับรถจาก จ.ตรัง กลับมาที่บ้านใน จ.สุราษฎร์ธานี มาพูดกับตนว่า "หนูจะเลิกคบ และไม่รัก เลิกติดต่อ ไม่คุยอะไรกับนายนิวแล้ว มันตบหนู และด่าพ่อแม่ของมัน ตนเองรับไม่ได้ ขอเลิกยุ่งเกี่ยวกัน"
หลังจากที่ลูกสาวตัดสินใจออกห่างช่วงระยะ 2 ปีหลัง เจ้าตัวก็มักจะตามตื๊อ วิดีโอคอลขอคุยด้วย และโทรเข้าเครื่องตนบ้าง ส.ต.อ.อภิชาติ มักจะเกิดจากความเครียด คิดไปเอง กล่าวหาว่าลูกของตนเองมีชายใหม่ ทั้งที่ลูกสาวไม่ได้คบหากับใคร ทุกครั้งที่ลูกสาวไปเจอลูกค้า นอนโรงแรมต่างจังหวัด ไปทำธุระในสถานที่ต่าง ๆ ตนเองก็จะเดินทางไปกับลูกเกือบทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางคดีตนเองก็คงไม่รู้ว่าจะบอกว่าโทษต้องถึงระดับไหน แต่คนไทยทั้งประเทศหรือคนที่ดูข่าวก็คงจะรู้ว่าพฤติกรรมเจตนาฆ่าคนตาย ยิงซ้ำ ควรจะได้รับโทษระดับไหน หลังจากนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพามาขออโหสิกรรม ไม่ต้องพามาเหยียบบ้าน เป็นไปได้ก็ขอให้ตายโหง ตายตามลูกสาวไปเลย
นางสาวชมพู่ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี เพื่อนสนิทของคนตาย เปิดใจว่า คนที่ก่อเหตุเป็นอดีตแฟนหนุ่มที่เคยคบหากัน และนับตั้งแต่ที่นางสาวสุมิตา คบหากับ ส.ต.อ.อภิชาติ ตนเองยังไม่เคยเจอกันเลย การพูดคุยผ่านวิดีโอคอลและผ่านทางโทรศัพท์ของนางสาวสุมิตาเท่านั้น โดยก่อนหน้าตัวเองก็เห็นใจทั้งสองฝ่าย ระยะหลังเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกตนเองจึงทำใจ และไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะคิดว่าก็คงเป็นเรื่องของคนสองคน และตนเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งคู่เลิกลากันจริงจังหรือไม่
สาเหตุตนเชื่อว่าเกิดจากถูกบอกเลิกเมื่อช่วงประมาณ 2 วันก่อนเกิดเหตุ นางสาวสุมิตานัดให้ ส.ต.อ.อภิชาติ นำทรัพย์สินและข้าวของที่อยู่บ้านในจังหวัดตรังมาคืนให้ ส่วนในวันเกิดเหตุ นางสาวสุมิตาอยากได้โทรศัพท์มาหาตัวเองช่วงเวลา 09.49 น. เพื่อชักชวนให้ไปนั่งเป็นเพื่อนที่ร้านกาแฟจุดเกิดเหตุ แต่เมื่อวานตนเองติดธุระ จึงไม่ได้เดินทางไปเป็นเพื่อน ซึ่งถ้าหากตนเองอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ก็เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งศพ แต่ส.ต.อ.อภิชาติ ก็คงจะตัดสินใจยิงตนเองไปพร้อมกับนางสาวสุมิตาเหมือนกัน
ขณะที่สาเหตุหนึ่งที่ ส.ต.อ.อภิชาติ อ้างว่ามีการเคลียร์ใจกันกับผู้ตายในวันเกิดเหตุ เรื่องการทวงเงินนั้น ทั้งคู่ไม่ได้มีเรื่องหนี้สินต่อกัน เพราะที่ผ่านมามีการใช้เงินช่วยกันโอนช่วยกันจ่าย ต่างฝ่ายต่างโอนให้กันและกัน ไม่ได้มีการหยิบยืมหรือติดเงินหลักแสน หลักล้าน ดังนั้นจึงเชื่อว่าสาเหตุที่ถูกยิ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ส่วนตนขอยืนยันว่าจะไม่มีการอโหสิกรรมให้กับ ส.ต.อ.อภิชาติ อย่างแน่นอน เพราะเพื่อนของตนเองตายไปทั้งคน
ทีมข่าวเดินทางไปบ้าน ส.ต.อ.อภิชาติ บ้านทุ่งมะขามป้อม ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นายสุรศักดิ์ ยั่งยืน ญาติของ ส.ต.อ.อภิชาติ บอกว่า 2 วันก่อนเกิดเหตุ แม่ของ ส.ต.อ.อภิชาติ เดินทางไปบ้านลูกสาวอีกคนที่กรุงเทพฯ ส่วนวันนี้พ่อไปเฝ้าดูอาการบาดเจ็บของ ส.ต.อ.อภิชาติ ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ ส.ต.อ.อภิชาติ เป็นคนนิสัยดี พูดจาโผงผาง กินเหล้าบ้างเป็นครั้งคราว ที่ผ่านมาเคยพา น.ส.สุมิตตา ผู้เสียชีวิต มาที่บ้านบ้าง ตอนมาได้ช่วยงานที่บ้าน ช่วยขายปลา โดยทั้งคู่คบหาดูใจกัน 2-3 ปี ไปมาหาสู่ตามปกติ ก่อนหน้านี้ ส.ต.อ.อภิชาติ ทำงานอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และย้ายมาอยู่ สภ.สิเกา จ.ตรัง ได้ไม่ถึง 1 ปี ช่วงที่ทั้งคู่คบหากัน ส.ต.อ.อภิชาติ ไม่เคยพูดถึงปัญหา หรือมาบ่นอะไรให้ญาติฟังเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายหญิง ส่วนประเด็นที่ตามไปยิงตนเองไม่รู้ปมสาเหตุว่าทำไปเพราะอะไ
ความเคลื่อนไหวของส.ต.อ.อภิชาติ บนเฟซบุ๊ก มีการโพสต์เรื่องราวเศร้า ความรักที่ไม่สมหวัง และบางครั้งก็ยังเห็นโพสต์ภาพปืนและกระสุนปืน ล่าสุดวันที่ 10 มี.ค. 64 ลงภาพตัวเองระบุข้อความว่า ยืนรอเธอที่หน้าบ้าน กี่ชั่วโมงแล้วเธอยังไม่มา