กรณีร.ต.อ.สุรพงศ์ เหมือนศรีชัย รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนนสิงหวัฒน์ หมู่ที่ 3 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.มหาวิทยาลัยเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ
เมื่อไปถึงพบรถเก๋ง ทะเบียน กฉ 9446พิษณุโลก ชนเสาไฟฟ้าส่องสว่างเกาะกลางถนน สภาพพังเสียหายยับเยิน มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาให้ตำรวจและแพทย์ชันสูตร ทราบชื่อต่อมา นายภูพิงค์ เศวตนันทน์ อายุ 43 ปี ชาว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเทา กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย กระดูกคอและลำตัวแขนขาหักหลายท่อน
ล่าสุดวันที่ 10 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนถึงจุดกลับรถเพียง 50 เมตร เยื้องตรงข้ามกับศูนย์บริการลูกค้า TOT พลายชุมพลเพียง 100 เมตร ถนนสิงหวัฒน์ หมู่ที่ 3 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นเส้นทางตรงไป-กลับ 6 เลน ไม่พบร่องรอยใด ๆ หลงเหลือแล้ว แต่พบว่าเสาไฟฟ้าส่องสว่างที่ได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่รื้อถอนออกเรียบร้อยแล้ว
ทีมข่าวพบกับนายณัฐฐาภูมิ คมวงษา อายุ 44 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เวลาประมาณตี 3 กว่า ๆ ตนได้ยินเสียงดัง "โครม" ก่อนมีเสียงดัง “บึ้ม” จึงวิ่งออกไปดูพบว่ามือผู้ประสบเหตุกระดิกเล็กน้อย แต่ไม่นานก็นิ่งไป จึงแจ้งกู้ภัย จนผ่านไปกว่า 30 นาที กู้ภัยมาก็พบว่าผู้ประสบเหตุเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์เสียหลักล้มเสียชีวิต ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่าที่นับได้ ประมาณ 3 ครั้ง เป็นไปได้ว่ารถเร่งความเร็วจากไฟแดง ประมาณ 200 เมตร เมื่อเจอจุดกลับรถพอดี ประกอบอีกฝั่งรถก็ใช้ความเร็ว เพราะถนนเป็นเส้นตรงด้วย ส่วนอีกข้อตนสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นตัวตายตัวแทนก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม การไม่ประมาท ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม อาจจะทำให้ลดอุบัติเหตุลงได้
ส่วนครอบครัวมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ไว้ที่วัดจันทร์ตะวันตก ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก โดยจะมีการพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.64)
ทีมข่าวพบน.ส.กัญชญา กิ่งศักดิ์ อายุ 40 ปี แฟนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมองได้หลายแง่ ทั้งความประมาท ความเชื่อตัวตายตัวแทน ซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียด ขณะนี้ยังรู้สึกงง ๆ แต่เนื่องจากช่วงนี้แฟนทำงานหนักมาก แฟนเข้างาน 16.00 น. กลับถึงบ้าน 03.00-04.00 น. ตื่นอีกทีช่วงสาย จะนอนหลับเป็นระยะ ๆ จึงมองว่าแฟนอาจจะพักผ่อนไม่ค่อยต่อเนื่อง และส่งผลให้อ่อนเพลีย และส่งผลให้ประสบอุบัติเหตุ
ดังนั้นตนและญาติไม่ติดใจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าแฟนไม่ได้เมาแล้วขับ อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ก็จะทำพิธีฌาปนกิจศพตามวันเวลาที่กำหนดไว้ และเหตุครั้งนี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนทุกคน "ถ้าเหนื่อยก็ต้องพักบ้าง อย่าฝืน"
