หมอกควันภาคเหนือ ยังสาหัส เชียงใหม่ผู้ป่วยทะลุ 3 หมื่นรายแล้ว

9 มี.ค. 64

9 มี.ค. 64 รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ไฟป่า และ หมอกควันภาคเหนือ ตอนบนเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน 6 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก และจังหวัดพะเยา

ซึ่งภาพรวมภาคเหนือมีค่า PM 2.5 ระหว่าง 36 – 275 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 52 – 292 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI ระหว่าง 28 – 385 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เชียงใหม่ แชมป์อากาศแย่ที่สุดในโลก 3 วันซ้อน ทั้งเมืองกลายเป็นฉากหนัง ไซเรนฮิลล์ 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสาเหตุพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานพบว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดการจุดไฟหาของป่า การเผาเศษวัชพืช และการเผาเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร รวมถึงช่วงนี้ภาคเหนือตอนบนที่มีลมตะวันตกพัดปกคลุม จึงทำให้การสะสมของฝุ่นละออง และ หมอกควัน ส่งผลให้เกิดจุดความร้อนในภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 926 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวน 617 จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 283 จุด ซึ่งพบจุดความร้อนสูงสุดที่แม่ฮ่องสอน จำนวน 442 จุด เชียงใหม่ 211 จุด และ ตาก 108 จุด

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 – 5 มีนาคม 2564 พบผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ ประกอบด้วยกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคหัวใจ หลอดเลือด และสมองอุดตันขาดเลือด กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ โดยในเดือนมกราคม มีจำนวนผู้ป่วย 22,554 คน เดือนกุมภาพันธ์ 9,084 คน และเดือนมีนาคม ณ วันที่ 5 มีนาคม 150 คน โดยมีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 31,788 คน

ขณะที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์หมอกควันและเฝ้าระวังภัยสุขภาพของประชาชนในภาคเหนืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงหากได้รับมลพิษจากหมอกควันเข้าสู่ร่างกาย อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าปกติ พร้อมแนะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ยึดหลัก 3ม. ไม่เผา ไม่เสี่ยง ไม่ป่วย และติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ซึ่งสาเหตุมาจากการเกิดไฟป่าหรือการเผาขยะต่างๆ และเผาไร่สวนเพื่อเตรียมที่ดินไว้สำหรับทำการเกษตร ดังนั้นปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบน จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังภัยสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากหมอกควัน

อนึ่ง ปัญหาหมอกควัน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว 2.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ 3.กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา ตาแดง น้ำตาไหล และมองภาพไม่ค่อยชัด ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นต้น หากได้รับมลพิษจากหมอกควันเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนในพื้นที่ยึดหลัก 3ม. ได้แก่ 1.ไม่เผา โดยขอความร่วมมือประชาชนและชุมชนให้หยุดการเผาไร่สวน และขยะต่างๆ 2.ไม่เสี่ยง โดยขอความร่วมมือประชาชนไม่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานในช่วงที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานหรือมีระดับที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสหมอกควัน และ 3.ไม่ป่วย โดยการป้องกันตนเองในสถานการณ์หมอกควันรุนแรง ทั้งนี้ ขอแนะนำประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ลดกิจกรรมนอกบ้านและอยู่ภายในบ้านหรือในอาคารให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง แต่หากจำเป็นขอให้ตรวจสอบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากแอปพลิเคชัน “Air4Thai” และเว็บไซต์ www.air4thai.com ของกรมควบคุมมลพิษทุกครั้งก่อนเดินทาง เพื่อประเมินความเสี่ยงในการสัมผัสฝุ่น และหาวิธีป้องกันตนเองที่เหมาะสมต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ขึ้นอันดับ 1 แล้ว! เชียงใหม่อากาศแย่ที่สุดในโลก ขณะที่ยังพบผู้ลักลอบเผาป่าทุกวัน
วิกฤต! ค่า ฝุ่นเชียงใหม่ สูงสุดอันดับ 1 ของโลก

 

ภาพจาก AFP

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ