กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "จึงจริง Jung Jing" โพสต์ข้อความ ระบุว่า "กร่าง! หนุ่มใหญ่ฉุนขึ้นลำปืนขู่ยิง ฉุนวางเก้าอี้จองคิวตู้เอทีเอ็ม แต่โดนแซง เหตุเกิดในปั๊มน้ำแห่งหนึ่ง (ปตท.สาขาดาราสมุทร) ริมถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าศรีราชา ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี"
โดยผู้เสียหาย ระบุว่า ชายคนนี้อ้างว่าโดนแซงคิวจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ตู้เอทีเอ็มกรุงไทย ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว โดยหนุ่มหัวร้อนวางเก้าอี้จองไว้แล้วเพื่อจะเป็นคนแรก แต่ผู้เสียหายไม่รู้ไปยกเก้าอี้ออก จึงทำให้เกิดเหตุตามคลิปที่ปรากฏ ต้องวิ่งหนีตายเข้าไปหลบในร้านสะดวกซื้อ พนักงานร้านเห็นว่าท่าไม่ดี จึงได้รีบล็อกประตูร้าน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะหลบหนีไป
ล่าสุดวันที่ 7 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายสุทธิพงษ์ รัตนกิจ อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 เวลา 23.00 น. ตนได้ไปจองตู้กดเงินธนาคารกรุงไทย ตรงบริเวณปั๊มน้ำแห่งหนึ่ง (ปตท.สาขาดาราสมุทร) ริมถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าศรีราชา ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะที่ไปถึงไม่พบว่ามีคนจองคิว จึงได้ไปนั่งจองคิว คิดว่าตัวเองเป็นคิวแรก แต่พบว่าตรงบริเวณตู้กดเอทีเอ็มมีเก้าอี้ตั้งไว้ พร้อมเขียนจดหมาย ระบุข้อความว่า "จองหวย เวลา 07.30 น."
จากนั้นตนจึงเดินไปเรียกเด็กปั๊มมาดู ซึ่งลงความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยตนก็ไม่ได้สนใจ เวลาต่อมามีชาวบ้านได้ลากเก้าอี้ที่ตั้งไว้หน้าตู้เอทีเอ็มออกไปนั่ง ตรงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ต่อมาเวลา 05.00 น. ของวานนี้ (6 มี.ค.64) ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาถึงปั๊มน้ำมัน (ปตท.สาขาดาราสมุทร) ริมถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าศรีราชา จากนั้นได้ลากเก้าอี้ของเข้าที่อยู่ตรงบริเวณนอกร้านสะดวกซื้อมาวางไว้ที่ตรงบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็มตามเดิม
ทั้งนี้ตนจึงได้เดินเข้าไปสอบถาม พร้อมบอกว่าตนเป็นคนมาจองคิวก่อน แต่ผู้ก่อเหตุกลับปฏิเสธ โต้ตอบกลับว่าจะมาเป็นคนแรกได้อย่างไร ในเมื่อเขาเอาเก้าอี้มาตั้งวางไว้ตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00น. ของวันที่ 6 มี.ค.64 ตนได้ตอบกลับไปว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง การจองคิวตัวบุคคลต้องมาจอง จะได้รู้ว่าเป็นสิทธิ์ของใคร ตนมองว่าหากตนเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่เอากระดาษข้อความไปติดทุกตู้เอทีเอ็ม เหมือนว่าเป็นการตัดสิทธิ์ของคนอื่น
กระทั่งตนและผู้ก่อเหตุได้มีปากเสียงกันสักพักหนึ่ง ผู้ก่อเหตุไม่พอใจจึงคว้าเก้าอี้เดินกลับไปที่รถยนต์ของเขา พร้อมกับมีการด่าทอ "จะเอาใช่ไหม อยากลองดีใช่ไหม" ก่อนเปิดประตูรถยนต์ คว้าอาวุธปืนคาดว่าปืนขนาด 9 มม. ออกมา ทำท่าทีคล้ายกับว่าจะยิงมาที่ตน และเดินปรี่เข้ามาหาตน ขณะนั้นตนยืนห่างจากผู้ก่อเหตุแต่ช่วงรถยนต์ จากนั้นผู้ก่อเหตุใส่ลูกกระสุนปืนเข้าสู่รังเพลิง พร้อมที่จะยิงและขอให้ตนกราบขอโทษ เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงได้ตัดสินใจ "ยกมือไหว้ขอโทษ" เพื่อให้เรื่องราวยุติลง
ทางผู้ก่อเหตุเริ่มใจอ่อน และเดินกลับไปที่รถยนต์ของเขา แต่กลับเปลี่ยนใจเดินปรี่เขามาหาตนอีกครั้ง ตนเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี จึงรีบวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ร้องขอให้พนักงานร้านสะดวกซื้อช่วยเหลือ ซึ่งพนักงานก็ได้ล็อกประตู ตนรีบโทรแจ้งตำรวจและหน่วยงานกู้ภัย ยอมรับว่าวินาทีที่ถูกข่มขู่ ใจต้องนิ่ง สายตาไม่ละจากปลายกระบอกปืน และไม่ได้เดินหรือวิ่งหนี หากจะยิงก็คงไม่ถูกตน เนื่องจากมีรถยนต์กั้นไว้
นายสุทธิพงษ์ เผยต่อว่า ผู้ก่อเหตุยังไม่หยุดแค่นั้น พยายามเปิดประตูร้านสะดวกซื้อ ก่อนเดินกลับไปที่รถยนต์ของเขาอีกครั้งด้วยความโมโห และขับออกไป ส่วนตัวแล้วไม่ได้มีเจตนาที่จะไปมีเรื่องกับทางผู้ก่อเหตุ ภายหลังจากเกิดเหตุตนยังไม่สามารถติดต่อกับผู้ก่อเหตุได้ ตนอาศัยอยู่ที่อ.ศรีราชา มานานกว่า 20 ปี ไม่เคยพบเห็นผู้ก่อเหตุคนดังกล่าว และไม่มั่นใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งตนไม่เคยรู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อนเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก และเมื่อสอบถามทางชาวบ้านในละแวกดังกล่าว พบว่าไม่มีใครรู้จักผู้ก่อเหตุเช่นกัน
เบื้องต้นได้เดินทางเข้าไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอเวลาทำงานตามตัวผู้ก่อเหตุ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจ อย่างไรก็ตาม ตนมองพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อยากจะให้ผู้ก่อเหตุมามอบตัว หากผู้ก่อเหตุจะมาขอโทษ ตนก็พร้อมที่จะให้อภัย แต่ในเรื่องของคดีความต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด
สำหรับตอนนี้ตนยังไม่มีความกังวลว่า ผู้ก่อเหตุจะกลับมาทำร้ายอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากตนก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งนี้ตนวอนขอให้ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวแสดงความจริงใจ
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยัง สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่า เจ้าหน้าตำรวจได้เชิญนายธนพล จันทบุตร อายุ 55 ปี ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำ พร้อมกับนายสุทธิพงษ์ รัตนกิจ อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย มาพบเจอกัน
ภายหลังนายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหาย ได้ออกมาจากห้องสอบปากคำ สภ.ศรีราชา โดยระบุว่า หลังจากที่ได้เจอกับนายธนพล คู่กรณีแล้ว นายธนพลก็ได้ขอโทษยอมรับในส่วนที่ทำผิด คือ นำอาวุธมาในสถานที่สาธารณะ พร้อมทั้งมีการข่มขู่ นอกจากนี้ยังยอมรับว่าเกิดบันดาลโทสะจึงได้ก่อเหตุลงไป
ขณะนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรแล้ว เข้าใจว่าคนเรามีอารมณ์ชั่ววูบ ตนก็อยากจะให้ทางคู่กรณีใจเย็นลง ในเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตนอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคม ในส่วนเรื่องของคดีความตนก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีความต่อไป และต่อไปนี้หากเจอกันยินดีที่จะพูดคุยกับคู่กรณี
ขณะเดียวกันนายธนพล จันทบุตร อายุ 55 ปี ผู้ก่อเหตุ ยังคงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำอยู่ในห้องสอบสวน และมีลักษณะคล้ายกับคนมีความกังวล
ทีมข่าวได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าเบื้องต้นภายหลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวนายธนพล ผู้ก่อเหตุ เพื่อจะมาดำเนินคดี โดยการไล่เช็กกล้องวงจรปิด ก่อนจะไปพบว่านายธนพล ได้พักอาศัยย่านสุรศักดิ์ จึงได้เชิญตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำ เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ร้อน จังเกิดความบันดาลโทสะ
ส่วนอาวุธปืน พบว่าเป็นอาวุธปืนกล็อกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ซึ่งมีใบทะเบียน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าพกเอาไว้ติดตัว เนื่องจากป้องกันทรัพย์สินส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และข่มขู่ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
