ปล่อยโฮ! ญาติสาว 18 เหยื่อชายหนีคดียิงดับ ปัดหลานเป็นน้อยเชื่อถูกหลอก แม่เผยลางโทรบอกรัก (คลิป)

6 มี.ค. 64

จากกรณีช่วงบ่ายของวันที่ 5 มี.ค. 64 ตำรวจเชียงใหม่ ทำการปิดล้อมจับกุมนายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี ชาว จ.พะเยา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ หลอกขายป้ายทะเบียนรถหรู มีมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท กบดานในห้อง 310 ของคอนโดมิเนียม ซอยข้างธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาภาคเหนือ ถนนโชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 64 พร้อมด้วยนางสาวอาณดา อายุ 18 ปี พี่เลี้ยง ผู้ต้องหาตามหมายจับเช่นเดียวกัน และน.ส.วิชุดา เสียมศักดิ์ อายุ 23 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ

409264

ซึ่งภายหลังมีการยิงปืน 4 นัด ตอบโต้ระหว่างเจ้าหน้าที่นำแม่ พี่ชาย และลูกสาววัย 3 ขวบเข้าเจรจ ไม่เป็นผล ตำรวจตรึงกำลังตลอดทั้งคืนรวม 20 ชม. กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 6 มี.ค. เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่าทั้ง 3 คน เสียชีวิตแล้ว

166706

วันที่ 6 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่ 4 ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย บ้านพักของนางสาวอาณดา ภายในบ้านพักจะแบ่งเป็น 2 หลังคือ บ้านพักของพ่อแม่ผู้ตาย และบ้านพักของป้า ซึ่งผู้ตายจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับป้า

167109

นางสาวเตือนใจ ปิยะรักษ์ หรือ แม่ใจ ป้าของผู้ตาย ซึ่งเป็นคนที่นางสาวอาณดาระบุชื่อในจดหมาย โดยแม่ใจยังมีอาการโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พาทีมข่าวมาดูรูปภาพของผู้ตายกับครอบครัว ก่อนจะพาทีมข่าวมาดูห้องของผู้ตาย ทันทีที่แม่ใจเปิดประตูได้ร้องไห้โฮทันที ห้องพักของผู้ตายถูกทาสีเป็นสีม่วง ตกแต่งห้องด้วยตัวเอง นอกจากนี้แม่ใจยังนำตุ๊กตาที่ผู้ตายรักมากมาให้ดู เป็นตุ๊กลิงสีขาวตัวใหญ่ กับตุ๊กตามินเนียนสีเหลือง

781252

นางสาวเตือนใจ เปิดเผยว่า วันนี้เวลาประมาณ 09.00 น. ตนทราบเรื่องจากพี่ชายของผู้ตายกับแม่ณี บอกว่าจะมาหาน้องเพราะมีคนชื่อคล้ายนางสาวอาณดาถูกกักขังอยู่ในคอนโด และยังไม่รู้ว่าเป็นนางสาวอาณดาจริงไหม กระทั่งสักพักหนึ่งพี่ชายของผู้ตายได้ดูข่าวของช่องอมรินทร์ และทราบว่าทั้ง 3 คนได้เสียชีวิตลงแล้ว เลยโทรแจ้งตน ผู้ตายเลิกเรียนตั้งแต่อยู่ ม.3 และเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ผู้ตายได้บอกว่าจะไปเต้นกับอาจารย์ที่กรุงเทพฯ จากนั้นก็ไปได้ไม่กี่วัน และกลับมาที่บ้านเพียงวันเดียว เพื่อจะไปขายกาแฟกับอาจารย์ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่เคยเล่ารายละเอียดให้ฟัง และไม่ได้บอกชื่ออาจารย์ ทางครอบครัวเลยไม่ทราบว่าอาจารย์หมายถึงใคร

905001

อีกทั้งตอนที่มาขออนุญาต นางสาวอาณดาให้เหตุผลว่าอยากจะทำงาน เพราะอยากจะมีเงิน ทางครอบครัวยินยอมให้ไป เพราะคิดว่า ถ้าไปอยู่กับอาจารย์คงจะดี ปกติแล้วนางสาวอาณดาจะโทรมาหา 1 ครั้งต่อ 2-3 วัน แต่ไม่เคยเล่าเกี่ยวการทำงานให้ฟัง และจะบอกเพียงว่าขายของเพิ่งเสร็จ กินข้าวก่อนนะ ครั้งสุดท้ายที่โทรมาหาคือวันที่ 3 มี.ค. โทรมาหาแม่ของนางสาวอาณดา ตอนนั้นตนอยู่ด้วยจึงได้พูดคุยกับหลานสาว หลานสาวบอกกับตนว่าออกมาซื้อกับข้าว กำลังจะกลับแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่จังหวัดไหน ขณะที่พูดคุย ตนได้ยินเสียงแม่ค้าบอกว่าค่ากับข้าวราคา 350 บาท ตนจึงสอบถามว่าทำไมค่ากับข้าวแพง นางสาวอาณดาอกกับตนว่าอยู่กันหลายคน

ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วนางสาวอาณดาโทรมาหาครอบครัว บอกว่าจะกลับมาที่บ้านประมาณวันที่ 20 ก.พ. และกล่าวทำนองว่าน้องทำให้ทุกคนเสียใจไหม ตนเลยบอกว่ามีอะไรให้บอก จะได้หาทางแก้ไขเพราะพ่อแม่และทุกคนรักหลานสาวหมด แต่นางสาวอาณดาไม่ได้เล่าปัญหาให้ฟัง แล้วก็เปลี่ยนใจไม่กลับมาที่บ้านแล้ว ทั้งนี้อีก 2 คนที่พบว่าเสียชีวิตอยู่ด้วยกัน ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนเรื่องคดีความ ตนไม่เคยทราบมาก่อน และตนไม่เชื่อว่านางสาวอาณดาจะกระทำ เพราะไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และคาดว่าอาจจะถูกหลอกหรือไม่ อีกทั้งตนไม่เชื่อว่าหลานสาวจะไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย

564904

ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดป่าไผ่ ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย นางจันทร์ ปิยะรักษ์ อายุ 54 ปี แม่ของนางสาวอาณดา เปิดเผยว่า วันที่ 3 มี.ค. เวลาเกือบ 17.00 น. ลูกสาวของตนโทรมาบอกว่า "รักแม่นะ" และไม่ได้พูดอะไร ตนพยายามถามว่าไปทำอะไรมา แต่นางสาวอาณดาร้องไห้อย่างเดียว ตนเลยพูดไม่ออก และร้องไห้ตาม ก่อนจะวางสายไป ตนพยายามโทรติดต่ออีกครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย ลูกสาวไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน และไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร ทั้งนี้ โดยปกติเวลาที่ลูกสาวโทรมาหาจะพูดคุยร่าเริงดี แต่ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ด้วยเหตุนี้ตนจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวไปทำงานอะไร และไม่รู้ว่าอยู่กับใคร

cg

โดยครั้งล่าสุดที่กลับมาคือ วันที่ 23 ธ.ค. 63 นางสาวอาณดามาเยี่ยมที่บ้านได้ไม่กี่วัน แล้วก็กลับไปอยู่กรุงเทพฯอีกครั้ง ขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้ และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับผู้ตายอีก 2 คน และไม่เคยรู้ว่าผู้ตายไปมีคดีความติดตัว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส