จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุมีชายวัยรุ่นถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต เหตุเกิดภายในซอยรามอินทรา 31 พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายจิรเวช มาตุเวช หรือ ดิว อายุ 25 ปี ตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่บริเวณหลัง 2 แผล
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว นายเมธัส หรือ โล่ อายุ 21 ปี และนายโอ๊ต อายุ 18 ปี พร้อมมีดปลายแหลม 1 เล่ม โดยจับกุมตัวได้ที่สถานคลีนิกแห่งหนึ่ง ย่านลาดปลาเค้า
โดยกล้องวงจรปิดภายบริเวณหน้าห้องน้ำห้างฯ จับภาพขณะที่นายจิรเวช หรือ ดิว ผู้ตาย เดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับนายโอ๊ต และนายโล่ ผู้ต้องหา หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที นายดิววิ่งออกมา โดยมีนายโอ๊ตกับนายโล่วิ่งตาม ก่อนที่นายดิวจะชักอาวุธลักษณะเป็นสีเงินยาวออกมาฟาดใส่นายโอ๊ต โดยมีนายแฮค เพื่อนผู้ตาย เข้ามาช่วย และเกิดการชุลมุน จากนั้นนายอาร์ต เพื่อนผู้ตายอีกรายชักอาวุธลักษณะคล้ายปืนออกมาจากเอว พร้อมตบไปที่ศีรษะนายโล่ และจ่อศรีษะก่อนเดินตามกันออกไป
โดยจากการสอบถามพนักงานสอบสวน ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้สั่งยา อัลปาโซแลม ซึ่งเป็นลักษณะยากล่อมประสาท จากฝั่งผู้ต้องหา นัดรับกันที่ห้องน้ำที่เกิดเหตุ จากนั้น เมื่อผู้ต้องหานำยาให้นายดิว ผู้ตาย นายดิวทำทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโอนเงิน แล้ววิ่งหนี ฝั่งผู้ต้องหาจึงวิ่งตาม ก่อนที่นายดิวจะชักอาวุธลักษณะคล้ายมีดออกมาฟันอีกฝ่าย นายโอ๊ต จึงชักมีดมาแทงนายดิว จนเสียชีวิต
วันที่ 5 มี.ค. 64 เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ศราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งช่วงที่ออกมาจากห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ นายโอ๊ต กล่าวว่า ฝั่งผู้ตายตีตัวเองก่อน ตนจึงต้องป้องกันตัว ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการส่งยาเสพติด เป็นของผู้ตาย ตนไม่ได้นำมาส่งให้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องหา 2 คนชี้จุดส่งยาในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาที่ลานหน้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ใช้มีดแทงผู้ตาย
นายโล่ ระบุฝ่ายผู้ต้องหาใช้ปืนจี้และตีศีรษะตัวเองก่อน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตะคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถคุมขังไป
ด้าน พ.ต.ท.ศราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับสอบสวน สน.บางเขน ระบุว่า ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ยอมรับว่าใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิตจริง แต่เป็นการป้องกันตัว
โดยทั้ง 2 ฝ่ายติดต่อกันทางเฟซบุ๊กเพื่อทำธุรกิจอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงพูดคุยกันไม่สำเร็จ ทำให้ทะเลาะวิวาทกัน เบื้องต้น มีการตรวจพบยากล่อมประสาท ลักษณะเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นยาที่นำมาใช้โดยผิดกฎหมายหรือไม่
ซึ่งคดีนี้แยกเป็น 2 คดี คดีแรกคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และพกพาอาวุธมีดมาในเมืองและทางสาธารณะ
อีกคดีคือ ภาพที่เห็นว่าฝ่ายผู้ตายมีอาวุธ ต้องแยกว่ามีการใช้อาวุธจริงหรือไม่ มีการซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่
นางต้อย (นามสมมติ) อายุ 58 ปี แม่ของนายจิรเวช ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 16.00 น. ลูกชายบอกว่าจะออกไปทำธุระกับเพื่อน ซึ่งตอนแรกตนห้ามเอาไว้ ไม่อยากให้ลูกออกจากบ้านเพราะอยู่ในช่วงเบญจเพส แต่ลูกไม่ฟัง บอกว่าไปไม่นาน จะรีบกลับ กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. เพื่อนลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่านายดิวถูกทำร้าย ให้รีบไปดูที่ห้างสรรพสินค้าย่านรามอินทรา ขณะที่ตนกำลังนั่งแท็กซี่ไปหาลูก ก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายเสียเลือดมาก เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนก็ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะลูกชายเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง
ส่วนที่มีข่าวเรื่องการซื้อขายยากล่อมประสาท ตนก็ไม่รู้เรื่อง แต่ลูกชายเคยกินน้ำกระท่อม ตนเคยถามลูกว่ามีปัญหาอะไร ลูกก็ไม่พูด ซึ่งลูกชายก็ไม่เคยมีคดีเรื่องยาเสพติด หรือเหตุทะเลาะวิวาทรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรับไม่ได้ เพราะเพิ่งคุยกับลูกชายช่วงเช้าแต่มาเกิดเหตุแบบนี้ ที่ผ่านมาพยายามพาลูกไปทำบุญช่วงเบญจเพส พร้อมบอกว่าขอให้มีชีวิตที่ดี ซึ่งลูกชายกำลังจะไปทำงานกับพ่อที่ต่างจังหวัดวันจันทร์ที่ 8 มี.ค. นี้แล้ว แต่มาเกิดเหตุขึ้นก่อน
ด้านนางน้อย (นามสมมติ) แม่นายโล่ ผู้ต้องหา เล่าว่า เมื่อวานนี้ช่วงเย็นลูกชายโทรศัพท์มาหาพร้อมร้องไห้ บอกตนว่าโดนทำร้าย ตนจึงรีบไปหาลูกที่จุดเกิดเหตุ ลูกชายบอกว่าโดนตีศีรษะอย่างแรง และโดนเหล็กตีที่ไหล่ ตนจึงรีบพาไปหาหมอ พร้อมเอ็กซเรย์ที่ศีรษะเพราะกลัวว่าจะมีอาการด้านใน ซึ่งตอนนี้ลูกก็ยังปวดและช้ำ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเห็นในคลิปกล้องวงจรปิด คิดว่าลูกชายแค่ป้องกันตัว เพราะอีกฝ่ายทำร้ายลูกชายตนกับเพื่อนก่อน มีทั้งอาวุธและปืน น่าจะวางแผนหลอกล่อลูกชายตนออกไป ส่วนการซื้อขายยากล่อมประสาทนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นลักษณะเด็กอยากลอง แต่ลูกชายตนไม่น่าจะเป็นคนขาย โดยตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ตอนนี้ตนห่วงลูกชายมาก เพราะลูกมีอาการปวดหัว มีอาการสับสน ส่วนเรื่องการแจ้งความกลับเรื่องทำร้ายร่างกายนั้นตนยังไม่รู้ เพราะคิดแต่เรื่องอาการของลูกเท่านั้น
ด้านนายอาร์ต รุ่นน้องผู้ตายซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุผู้ตายมารับที่บ้าน ระบุว่าจะให้ไปทวงเงินเป็นเพื่อน ตนพยายามถามว่าเงินอะไร แต่นายดิว ผู้ตายไม่ยอมบอก เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุนายดิวพกปืนมาด้วย และจะเอาลงจากรถ แต่นายแฮค ห้ามเอาไว้เพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจร้อน พร้อมส่งปืนมาให้ตนพกเอาไว้ โดยเอาลูกกระสุนที่มีอยู่ 1 นัด เก็บไว้ในรถ ให้เอาปืนเปล่าลงไปเพื่อป้องกันตัว
จนนายดิวเข้าไปในห้องน้ำกับฝั่งนายโอ๊ตและนายโล่ ตนก็ตามเข้าไปด้วย แต่ตนเข้าไปนั่งถ่ายในห้องน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงนายดิว ตะโกนเรียกว่า "อาร์ต ช่วยพี่ด้วย" ตนมั่นใจว่ารุ่นพี่ถูกทำร้าย จึงวิ่งออกมา เมื่อเห็นว่านายดิวถูกแทงเลือดท่วมตัว โดยนายโอ๊ต คนแทงวิ่งหนีออกไปแล้ว เหลือเพียงนายโล่ ตนจึงตะโกนว่า "มึงหยุด" พร้อมชักปืนที่พกติดตัวออกมา และตบไปที่ศีรษะนายโล่ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหนีเท่านั้น ยืนยันว่าปืนไม่มีลูก และตนก็ชักออกมาเพื่อป้องกันตัว หลังเกิดเหตุตนกลับบ้านเพราะออกมาแล้วไม่พบผู้ตาย เพิ่งมาทราบตอนหลังว่านายดิวเสียชีวิตก็ตกใจมาก ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ส่วนกรณีการซื้อขายยา ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่านายดิวเป็นคนคิดมาก นอนไม่ค่อยหลับ จึงอาจจะซื้อยามากินเพื่อให้นอนหลับเท่านั้น
