แจงยิบ! 50 นาทีก่อน "วาวา" เป็นศพรพ.ยันไม่ทิ้ง แพทย์ชี้เจอสารคล้ายเคนมผงมีสิทธิ์ถูกมอม (คลิป)

3 มี.ค. 64

จากกรณีที่ น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วาวา พริตตี้สาว ที่เสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตและทางเดินหายใจล้มเหลว ช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา ภายหลังรับงานเอนเตอร์เทนจาก น.ส.สุ โมเดลลิ่ง ให้ไปดูแลนายเก่ง ที่บ้านพักย่านพหลโยธิน เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ. ก่อนที่ครอบครัวผู้ตายจะร้องเรียนไปยังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ช่วยเหลือทางคดี

216625

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไขปริศนาปาร์ตี้มรณะเค้นสอบเจ้าภาพ 7 ชม. เผยความฝัน "วาวา" เลิกชงเหล้าเริ่มชีวิตใหม่
บุกค้นบ้านจัดปาร์ตี้ทำ "วาวา" ดับ ญาติเก่งปัดจับมอมยา อึ้งรถขนศพโผล่คนขับหนีสื่อ
ตายปริศนา! พริตตี้ "วาวา" แม่คาใจรับงานกลายเป็นศพ หวั่นถูกมอมในเหล้า

ต่อมา วันที่ 2 มี.ค. 64 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และคาใจถึงไทม์ไลน์ของผู้ตายที่รอการรักษาในโรงพยาบาลถึง 50 นาที ผู้ป่วยมีอาการนอนหมดสติ และมีอาการชักเกร็งกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่

772496181155682733

วันที่ 3 มี.ค. 64 ด้านโรงพยาบาลชี้แจงไทม์ไลน์การรักษา ตั้งแต่ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลจนออกจากห้อง และนำส่งไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

593048830295

เวลา 06.37 น. มีพลเมืองดีนำส่งผู้ป่วยยังโรงพยาบาล ผู้ป่วยเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 33 ปี โดยผู้ส่งแจ้งว่า ผู้ป่วยนอนหมดสติ มีอาการชักเกร็ง ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวภายในซอยเสนานิคม 1 โดยไม่ทราบข้อมูลใด ๆ ของผู้ป่วย ผู้ป่วยมีอาการสะลึมสะลือ แจ้งว่าปวด แต่ตามร่างกายไม่พบบาดแผล สัญญาณชีพปกติ ระดับออกซิเจนในเลือดร้อยละ 98 ประเมินอาการทางระบบประสาท พบว่าม่านตาขยายตอบสนองต่อแสงเล็กน้อยพูดได้ไม่กี่คำ

เวลา 06.40 น. ตรวจประเมินอาการผู้ป่วย ให้ออกซิเจนและ เจาะน้ำตาลในเลือด ขณะนั้นผู้ป่วยมีอาการเกร็งเหยียด มือจีบทั้งสองข้าง แพทย์ให้ยาลดเกร็ง และให้นอนหอผู้ป่วยวิกฤต เพื่อดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ฉีดยาที่หลอดเลือดดำ แต่ไม่สามารถฉีดได้เนื่องจากผู้ป่วยเกร็งระหว่างฉีด

165849

เวลา 06.45 น. ประเมินสัญญาณชีพอย่างปกติ ระดับออกซิเจนในเลือด ร้อยละ 98

เวลา 06.47 น. โรงพยาบาลโทรติดต่อญาติ พบว่าญาติ อยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบเข้ามาที่โรงพยาบาล

เวลา 06.55 น. ประเมินสัญญาณชีพความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อย หัวใจเต้นปกติม่านตาขยาย

เวลา 07.00 น. ผู้ป่วยเริ่มเกร็ง และร้องเจ็บปวด แพทย์มีคำสั่งให้ยาลดอาการเกร็ง

เวลา 07.10 น. ประเมินสัญญาณชีพออกมาเป็นปกติ และได้มีผู้ชาย 2 คนเข้ามาติดต่อที่ห้องฉุกเฉิน โดยได้แจ้งว่าเป็นเพื่อนผู้ป่วย โรงพยาบาลได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องการใช้สารเสพติด

เวลา 07.25 น. เจาะเลือดผู้ป่วย ตรวจทางห้องปฏิบัติการ พร้อมให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ และสังเกตอาการใกล้ชิด และประเมินสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่อง

เวลา 07.50 น. เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยวิกฤตที่ไอซียู

เวลา 07.55 น. ผู้ป่วยถึงหอผู้ป่วยวิกฤต

เวลา 08.00 น. ผู้ป่วยมีอาการซึม หายใจเบาลง คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ มีการเริ่มช่วยฟื้นคืนชีพ ตามขั้นตอน เมื่อญาติมาถึง แจ้งอาการผู้ป่วยเพราะผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการช่วยฟื้นคืนชีพแพทย์ และบอกอาการกับแม่ผู้ป่วยทางโทรศัพท์

เวลา 08.45 น. แม่รับทราบอาการปัจจุบันของผู้ป่วยให้หยุด ซีพีอาร์ และประสงค์ขอนำร่างผู้ป่วยไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ

เวลา 10.00 น. ทีมนิติเวชนำร่างผู้ป่วยออกจากหอผู้ป่วยวิกฤต ไปชันสูตรต่อที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ

474490

รศ.นพ.วีรศักดื์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เปิดเผยว่า สำหรับสารเสพติดที่ตรวจเจอจากร่างกายของพริตตี้วาวานั้น มีสูตรที่ใกล้เคียงกับเคนมผงที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าบดยาเหล่านี้ผสมน้ำหรือน้ำหวาน ถ้าใส่ในปริมาณที่มากจะต้องมีรสขมอย่างแน่นอน และจะเหลือคราบแป้งที่ละลายไม่หมดติดอยู่ที่แก้ว ส่วนนี้จะสามารถสังเกตได้ถ้าผสมในน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลม

243331

สำหรับสารเสพติดทั้ง 4 ชนิดนี้ จะมียา 3 ชนิดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาท กระตุ้นประสาทเหมือนกัน ได้แก่ยาบ้า ยาเค และยาอี ส่วมยานอนหลับมีฤทธิ์กล่อมประสาท ซึ่งเมื่อยาทั้ง 4 ชนิดนี้ออกฤทธิ์พร้อมกัน ก็จะทำให้มีอาการตื่นตัว หลอน หัวใจ สมอง ทำงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหว และทำให้หัวใจล้มเหลว สำหรับตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ว่าร่างกายมนุษย์ต้องรับสารเสพติดมากน้อยแค่ไหนถึงจะมีความอันตรายจนถึงชีวิต แต่แน่นอนว่าถ้ารับยาเสพติดนี้ในปริมาณมาก ก็จะเป็นเหตุให้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ต้องเข้าไปเสี่ยงต่อการถูกมอมยา เพราะที่ผ่านมานั้นมีเคสที่ได้รับสารเสพติดเกินขนาดและเสียชีวิตเยอะมาก จึงอยากฝากให้ระมัดระวังตัวเอง

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส