รวบ ตุ๊กกี้ขายครีม 400 ล้าน ตุ๋นเหยื่ออีก หลอกลงทุนขายหน้ากากอนามัย สูญ 2 ล้าน

3 มี.ค. 64

กองปราบรวบคาบ้าน ตุ๊กกี้ขายครีม 400 ล้าน ก่อเหตุซ้ำอีก หลอกลงทุนขายหน้ากากอนามัย ก่อนเชิดหนี 2 ล้านบาท

วันนี้(3 มี.ค.64) ตำรวจกองปราบปราม ร่วมกันจับกุม น.ส.ศิริรัตน์ หรือ ตุ๊กกี้ขายครีม (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลจังหวัดแขวงนครราชสีมา ที่ 54/2564 ลง 23 ก.พ.2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง โดนจับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยนวมินทร์ 111 ถนนประเสริฐมนูญกิจ เขตบึงกุ่ม แขวงนวมินทร์ กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้รู้จักกับ น.ส.ศิริรัตน์ หรือตุ๊กกี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2564 น.ส.ตุ๊กกี้ ได้โทรศัพท์ติดต่อมาชักชวน น.ส.เอ ให้ร่วมลงทุนธุรกิจขายหน้ากากอนามัย โดยจะได้เงินปันผลเป็นค่าตอบแทน น.ส.เอ  หลงเชื่อจึงโอนเงินลงทุนให้กับ น.ส.ตุ๊กกี้ จำนวน 2,000,000 บาท แต่เมื่อครบกำหนด น.ส.ตุ๊กกี้ ไม่ได้จ่ายเงินปันผลตามกำหนด ผัดผ่อนกับผู้เสียหายมาตลอด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนถูกหลอก จึงได้แจ้งความดำเนินคดี จนกระทั่งพนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว

s__4030519

จากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.ตุ๊กกี้ ทราบว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2562 น.ส.ตุ๊กกี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. จับกุมในข้อหา “ฉ้อโกง, ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์” รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาชักชวนกลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มแม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ผ่านทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ให้ร่วมลงทุนเป็นตัวแทนขายสินค้า และสั่งซื้อสินค้า หรือสต๊อกสินค้า จำนวนหลายรายการ พร้อมกับแอบอ้างชื่อศิลปิน ดาราชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า เเต่เมื่อครบกำหนดส่งมอบสินค้าผู้ต้องหากลับไม่มีสินค้าที่ออกมาขายตามที่ตกลง อ้างว่าเกิดความล่าช้า ทาง อย. มีความเข้มงวดมากต้องรอสินค้าได้รับอนุญาตก่อน ซึ่งผู้ต้องหาผัดผ่อนแบบนี้เรื่อยมา จึงเป็นเหตุให้กลุ่มผู้เสียหายกลุ่มนี้เข้าเเจ้งความดำเนินคดี

s__4030517

ปัจจุบันตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาเปิดเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ตุ๊กกี้ ขายครีม เปิดลงทุน “บ้านออมเงินKK” มีการโฆษณาชวนเชื่อรับประกันเงินต้น 100% เงินทุนหมุนเวียน ผ่อนไอโฟน ผ่อนทอง บริการทุกระดับประทับใจ

จากการสอบถาม น.ส.ศิริรัตน์ หรือตุ๊กกี้ ได้ให้การภาคเสธ ว่าไม่ได้ฉ้อโกง แต่รับว่านำเงินของผู้เสียหายมาจริง โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน และรับว่าเคยถูกตำรวจ บก.ปอศ. จับกุมในกรณีดังกล่าวจริง หลังจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป

ขอบคุณที่มา - policenews

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ