ทนายคนจนยื่นเรื่อง ยธ. จ่ายเยียวยาสาวเมืองสุรินทร์ ติดคุกฟรี 21 เดือน

2 มี.ค. 64

ทนายคำสิงห์ ยื่นขอรับเงินเยียวยา สาวติดคุกฟรี 21 เดือนจากยุติธรรมจังหวัด คดียาเสพติด 41 เม็ด หลังศาลฎีกาคำพิพากษาตัดสินยกฟ้อง ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด

จากกรณีที่ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี หลังศาลฎีกา มีคำพิพากษาตัดสิน น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ในคดียาเสพติด (ยาบ้า จำนวน41 เม็ด ) คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2561 น.ส.สุพรรณษา ซ้อนรถจักรยานยนต์กับแฟนหนุ่ม คือ นายศุภกิจ นิยมสวน ในตอนนั้นอายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.4 ต.สำโรง อ.เมืองจ.สุรินทร์ ที่คบกันได้ไม่กี่เดือนเพื่อไปทำธุระ แต่แฟนหนุ่มกลับพาไปส่งยาบ้า 41 เม็ดให้กับสายตำรวจที่ล่อซื้อ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิด ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ซึ่งแฟนหนุ่มที่เป็นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงถูกศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี 6 เดือนและปฏิเสธว่า น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครอบครัวไม่มีเงินประกันตัว จนถูกคุมขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ฟรี กว่า 8 เดือน

ระหว่างสู้คดี โดยมีนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ อาสาเข้าไปช่วยเหลือทางกฎหมายฟรี เนื่องจากครอบครัวน.ส.สุพรรณษาฯ มีฐานะยากจน จนศาลชั้นต้นตัดสินและได้รับอิสรภาพกลับคืนมา และต่อมาอัยการได้ยืนนอุทธรณ์ฟ้องต่อ โดยศาลอุทธรณ์ตัดสินมีความผิด สั่งลงโทษจำคุก 5 ปี 12 เดือน และปรับเงิน 5.6 แสนบาท ถ้าไม่มีเงินให้กักขังแทนเงินค่าปรับ

และต่อมานายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา ได้ทำเรื่องขออนุญาตฎีกา และศาลสุรินทร์ได้รับคำร้องส่งให้ศาลฎีกาและศาลฎีการับไว้พิจารณาคดีนี้ โดยระหว่างที่ศาลฎีการับเรื่อง น.ส.สุพรรณษา ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ศาลอุธรณ์มีคำพิพากษา เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว ระหว่างที่สู้ในชั้นฎีกา

ล่าสุดศาลฎีกามีดุลยพินิจตามพยานหลักฐานอ่านคำพิพากษาตัดสินยกฟ้อง ว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งน.ส.สุพรรณษาฯ ต้องติดคุกระหว่างต่อสู้ในชั้นฎีกา 13 เดือน รวม 2 ครั้งเป็นเวลา 21 เดือน

ซึ่งนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา ระบุว่าตนใช้เวลากว่า 4 เดือน ทำเรื่องยื่นฎีกาเข้าไป จนศาลจังหวัดสุรินทร์ได้รับเรื่องยื่นคำร้อง แล้วส่งให้ศาลฎีกาซึ่งศาลฎีกาก็รับเรื่องไว้พิจารณา ตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา ลูกความตนต้องอยู่ในเรือนจำถึง 13 เดือน ระหว่างต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา จนในที่สุดศาลฎีกาได้มีดุลพินิจพิพากษา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ให้ยกฟ้อง จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิด ถือว่าลูกความตนเป็นผู้บริสุทธิ์สิ่งที่ตนอยากจะสะท้อนให้เห็นว่า ลูกความตนได้ถูกจองจำในเรือนจำรวม 2 ครั้ง เป็นเวลาถึง 21 เดือน

อยากจะให้หน่วยงานของรัฐได้เข้ามาเยียวยา โดยจ่ายไปตาม พรบ.เงินทดแทน โดยผ่านกองทุนของจังหวัดมาเยียวยาในจุดนี้ ซึ่งตนก็จะพาลูกความไปยื่นหนังสือเพื่อขอรับเงินเยียวยาต่อไป ในส่วนที่รัฐจะเยียวยานั้นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของภาครัฐ ซึ่งในคดีนี้หากไม่มีการยื่นฎีกาลูกความตนต้องติดคุกถึง 8 ปีเลย แต่ที่น่ายินดีที่ศาลฎีกาท่านได้ยกฟ้อง และอยากให้ภาครัฐได้เข้ามาเยียวยาในจุดนี้ด้วย

ล่าสุด-เมื่อวันที่ (1 มี.ค.64) ที่อาคารบูรณาการยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ถนนเลี่ยงเมืองสายใน ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา พร้อมด้วยนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร อายุ 53 ปี ผู้เป็นแม่ของ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร อายุ 25 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอเงินเยียวยาตาม พรบ.ช่วยเหลือ ผู้ต้องหาของกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายโยธิน บัวแก้ว ผอ.ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อรับเรื่องเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยา โดยจะนำเรื่องคำร้องขอรับการเยียวยาช่วยเหลือส่งให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป

นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความอาสา กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำลูกความผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีดังกล่าวมาที่สำงานยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ยืนคำร้อง ขอรับเงินเยียวยา ตาม พรบ.ช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลย ของกระทรวงยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางคณะอนุกรรการจะพิจารณาวินิจฉัยว่าจะช่วยเหลือได้หรือไม่ ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ส่วนระเวลาดำเนินงาน ได้สอบถามเจ้าหน้าที่แล้ว ทราบว่าทำให้เร็วที่สุดแต่ไม่ทราบว่าจะใช้เวลากี่เดือนแต่จะดำเดินการให้เร็วที่สุด

ขณะที่ น.ส.สุพรรณษา บำเพ็ญเพียร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยังแสดงอาการป่วยซึมเศร้า นิ่งเงียบ ตอบคำถามกับผู้ข่าวว่า มาถึงวันนี้ ตนเองดีใจ และมีกำลังใจขึ้น ตนเองติดคุกฟรีมานานถึง 21 เดือน วันนี้ญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง มาสอบถามสารทุกข์ ก็มีกำลังใจมากขึ้น

ส่วนนางพัชรพร บำเพ็ญเพียร อายุ 53 ปี ผู้เป็นแม่ กล่าวสั้นๆ ว่ามาถึงวันนี้แล้วมีกำลังใจมากขึ้น แต่ก่อนนั้นตนลำบากมากต้องเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวเดือนละหลายครั้ง จนกระทั่งได้ออกจากคุก ขอบคุณทนายคำสิงห์ ชอบมี ขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจครอบครัวของตนทำให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ