จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ตับพัง เพราะตังค์เพื่อน" โพสต์เรื่องราวกรณีนายเสมา พุฒิสาร หรือ ท็อป อายุ 33 ปี เสียชีวิต หลังถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกาย ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 64 ภายในพื้นที่เขตรามอินทรา กรุงเทพฯ ซึ่งระยะเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โจ๋แก๊งทมิฬเปิดปากรุมทืบหนุ่มคลั่งดับ อ้างโดนตำรวจสั่ง ญาติเผยถูกแม่เลี้ยงยุส่ง
- แก๊งอำหิตรุมฆ่า 9 ต่อ 1 หายตัวหมด อึ้งวงจรปิดเสียงตำรวจขอ "อย่าทำถึงตาย"
- สุดโหดแก๊งโจ๋รุมฆ่ากลางเมืองมีดฟันไม้ง่ามแทง พ่อฉะตำรวจให้ท้ายฝูงนักล่า
วันที่ 1 มี.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่กลางซอยนวมินทร์ 26 ได้ภาพวงจรปิดที่กลางชุมชน มีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนวิ่งไล่ตามนายเสมา ซึ่งภาพวงจรปิดเป็นมุมแคบ
ต่อมาเป็นรอยต่อชุมชน จุดที่นายเสมาวิ่งลัดเลาะหนีตายออกจากเขตชุมชน โดยเป็นภาพวงจรปิดในซอยเล็ก นายเสมาเดินหนีออกจากซอยเล็ก ไปยังกลางซอยนวมินทร์ 26 และมีกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คนเดินไล่ตาม พร้อมกับขว้างปาสิ่งของใส่ นายเสมาได้วิ่งพ้นรัศมีกล้องวงจรปิดไปทางหน้าปากซอย
ขณะเดียวเส้นทางที่นายเสมาวิ่งไปก็มีแสงไฟสว่างวาบอยู่ตลอด เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ก็มีรถกระบะตำรวจมากลับรถและขับออกจากซอยไป
ล่าสุด บุคคลที่เข้าพบตำรวจ สน.บึงกุ่ม ได้แก่ นายอั๋น, นายโท, นายเก้ง, นายเปรี้ยว, และนายเฟียส ซึ่งยังถูกคุมตัวอยู่ในห้องสืบสวน และตำรวจยังสอบสวนเพื่อขยายผลไปจับคนอื่น ๆ สำหรับบุคคล 9 คนที่ไล่ทำร้ายนายเสมาอยู่ที่บ้านนั้น จะถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น" ซึ่งตอนนี้ทราบชื่อเพียง 6 คนเท่านั้นคือ นายเก้ง, นายคิม, นายเปรี้ยว, นายอั๋น, นายก็อต และนายเฟียส ซึ่งทั้งหมดมาพบตำรวจแล้ว แต่ยังขยายผลจับกุมอีก 3 คนที่เหลือ
ส่วนบุคคลที่ไล่ทำร้ายนายเสมาในปั๊มน้ำมันจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต จะถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย" โดยจะมี 4 คนที่ถูกแจ้งข้อหาได้แก่ นายเก้ง, นายอั๋น, นายโท และนายอ๊อฟ ซึ่งตอนนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวนายอ๊อฟมาดำเนินคดี
ขณะที่ทีมข่าวปักหลักรออยู่หน้าห้องสืบสวน ตำรวจก็คุมตัวนายเก้งมาเข้าห้องน้ำ โดยเจ้าตัวสวมหมวก สวมแมสก์ปิดบังใบหน้า ขณะที่กำลังถูกคุมตัวเข้าห้องสืบสวน ทีมข่าวก็พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายเก้งก็เงียบและไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ
ทีมข่าวได้รับรายงานว่านายเก้ง ซึ่งมีท่าทีเป็นหัวโจกในการก่อเหตุ ก็เข้ามาพบตำรวจและถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องสืบสวน โดยนายไก่ พ่อของนายเก้ง เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าลูกชายไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่ยืนยันว่านายเก้งไม่ได้กระทำอะไรที่รุนแรง เพราะลูกชายถือไม้ง่ามไว้ป้องกันตัว และผลักดันนายเสมาเท่านั้น
แต่มีเพียงคนบางคนเท่านั้นที่ทำร้ายนายเสมา และแม้ว่าภาพที่ออกมาจะเหมือนว่านายเก้งเป็นหัวโจก แต่ตนมองว่าภาพที่ถูกนำเสนอแค่นั้นคงบอกอะไรที่ชัดเจนไม่ได้ ซึ่งตนก็เตรียมที่จะประกันตัวลูกแล้ว
นายไก่ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้ลูกชายของตนต้องไปไล่จับนายเสมา เพราะญาติของนายเสมาก็เป็นขอให้เข้าไปช่วยเหลือ และตำรวจก็ขอให้ช่วยจับ และส่งไม้ง่ามให้ในช่วงนายเก้งวิ่งไล่นายเสมาออกจากซอยนวมินทร์ 26 ซึ่งจากคลิปลูกชายเพียงแต่ใช้ไม้ง่ามผลักดัน ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ตี แต่สุดท้ายกลับมีความผิดแบบนี้ ตนก็งงว่าทำไมเหตุการณ์เป็นแบบนี้ เพราะถ้าตำรวจไม่สั่งลูกตนก็คงไม่ไปยุ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกชายตนมีความผิด พลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องมีความผิดทั้งหมด