กรณีนางมุกดา ภรรยาหลวง ซึ่งมีสามีเป็นทหารประจำอยู่ค่ายแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี ชื่อว่า นายอาร์ม (นามสมมติ) ถูกนางมุกดาซึ่งเป็นภรรยาหลวง แฉเรื่องราวของหญิงสาวอีกคนของสามี ผ่านเฟซบุ๊ก
โดยเจ้าตัวได้โพสต์คลิปเสียงเมื่อครั้งโทร คุยกับ น.ส.เนิร์ด (นามสมมติ) หญิงอีกคนของสามี ซึ่งทำอาชีพเป็นพยาบาล ในคลิปนางมุกดาถามว่า "ตกลงจะเอายังไง" ฝ่ายน.ส.เนิร์ด เลยสวนกลับมาว่า "งั้นก็ไปฟ้องค่ะ ไปฟ้องเลย และไม่ต้องโทรมาอีก ขี้เกียจคุย"
ล่สุดวันที่ 28 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ น.ส.เนิร์ด (นามสมมติ) ได้ทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าว
ทีมข่าวได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ให้ข้อมูลว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ผอ.โรงพยาบาลไม่ได้เข้ามาทำงาน จึงแนะนำทีมข่าวให้มาติดต่อใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.64) เพราะพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ไม่สามารถให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ได้
ทีมข่าวจึงสอบถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวต่อว่า ทราบข่าวของ น.ส.เนิร์ด ตั้งแต่ตอนไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า เพิ่งทราบข่าวเมื่อวานนี้ ยอมรับว่าตกใจมาก สำหรับน.ส.เนิร์ด เป็นพยาบาลทำงานในแผนกอาคารผู้ป่วยใน และวันนี้ก็มาทำงาน ซึ่งน.ส.เนิร์ด ก็ไม่สามารถที่จะให้สัมภาษณ์ได้ แต่เท่าที่ตนสัมผัสกับน.ส.เนิร์ด เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี น่ารักต่อเพื่อนร่วมงาน ส่วนเรื่องส่วนตัวไม่ขอออกความคิดเห็น
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของ น.ส.เนิร์ด บุคคลที่นางมุกดา อ้างว่าเป็นผู้หญิงคนใหม่ของสามี โดยบ้านของน.ส.เนิร์ด ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ทีมข่าวได้พบกับน.ส.ตุ่นศรี (นามสมมติ) พี่สาวของน.ส.เนิร์ด
โดยน.ส.ตุ่นศรี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า กรณีฝั่งคู่กรณีออกมาให้ข่าวกล่าวหาน้องสาวตน และใช้รูปภาพของน้องสาวที่ถ่ายคู่กับสามีของเขานั้น ตนยอมรับว่าบุคคลในภาพดังกล่าวเป็นน.ส.เนิร์ดน้องสาวตนจริง แต่เป็นภาพปีที่แล้ว ตนยอมรับอีกว่าที่น้องสาวได้ถ่ายภาพคู่กับนายอาร์ม (นามสมมติ) ก็เพราะว่าตอนนั้นน้องสาวได้คบหากันจริง ซึ่งที่น้องสาวคบหากับฝ่ายชาย เพราะน้องสาวไม่รู้มาก่อนว่ามีภรรยาแล้ว
รูปภาพทั้งหมดที่น้องสาวตนถ่ายคู่ ก็ล้วนเป็นรูปที่เขาถ่ายตอนที่คบกันช่วงแรก ๆ ต้นปี 63 แต่พอช่วงเดือน ก.ค.63 น้องสาวตนมารู้ความจริงว่าฝ่ายชายมีภรรยาแล้ว ตนก็ได้ให้น้องสาวเลิก ซึ่งตั้งแต่นั้นมาน้องสาวตนก็เลิกติดต่อกันเป็นต้นมา ตนก็ยังงงว่า รูปภาพดังกล่าวเกิดขึ้นนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาเป็นข่าว ทำไมต้องขุดรูปภาพของน้องสาวตน
กรณีที่นางมุกดา โทรศัพท์มาพูดคุยกับน้องสาวตน ตอนนั้นตนก็อยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นตนได้ให้น้องสาวตนเลิกติดต่อกับฝ่ายชายนานแล้ว ซึ่งน้องสาวตนก็บอกว่าเลิกติดต่อกับฝ่ายชายแล้ว แต่ฝั่งนั้นยืนยันว่าจะฟ้องน้องสาวตน น้องสาวตนจึงบอกว่า "อยากฟ้องก็ไปฟ้องเอา" เพราะว่าเลิกกันนานแล้ว และคลิปเสียงที่ฝั่งคู่กรณีนำมาให้นักข่าวออกอากาศ เขาก็ให้ไม่หมด ทำไมเขาเปิดคลิปเสียงเฉพาะตอนที่เขาคุยกับน้องสาวตน ซึ่งในสายดังกล่าวนั้น หลังจากคู่กรณีคุยกับน้องสาวตนแล้ว ตนยังได้คุยกับเขาว่า ให้สามีเขาเลิกมายุ่งกับน้องสาวตนได้แล้ว เพราะน้องสาวตนเลิกติดต่อฝ่ายชายแล้ว ทำไมคลิปเสียงช่วงนี้ คู่กรณีไม่เอามาให้นักข่าวฟัง
สำหรับน.ส.เนิร์ด น้องสาวตน มีเรื่องอะไรเขาจะปรึกษาตนทุกอย่าง ทุกวันนี้น้องสาวก็ไม่ได้พูดถึงฝ่ายชายอีกแล้ว ตนยังยืนยันว่าที่น้องสาวไปคบกับฝ่ายชาย เพราะไม่รู้ว่ามีครอบครัวแล้ว แต่พอรู้ความจริง น้องสาวตนก็ได้เลิกขาดกับฝ่ายชายแล้ว ถึงตนจะเสียใจมากแค่ไหน แต่คนที่เสียใจมากที่สุด คือน้องสาว ตอนน้องสาวตนคลอดได้ 3 เดือน ตนมีอายุ 10 ขวบ ตนเป็นคนที่เลี้ยงน้องสาวคนนี้มาจนเขาโต แม่ตนก็ไม่ได้เลี้ยงน้องสาวคนนี้เท่าตน จะไม่ให้ตนเป็นห่วงน้องสาวคนนี้ได้อย่างไร น้องสาวคนนี้ตนรักยิ่งกว่าลูกก็ว่าได้
ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้สอบถามน้องสาวว่า ตอนแรกไปรู้จักกับฝ่ายชายได้อย่างไร เพราะตนไม่ได้ตามติดชีวิตน้องสาวตลอด ตนปล่อยให้เป็นชีวิตของน้องสาว กรณีที่คู่กรณีได้ปรึกษาทนายและเตรียมฟ้องน้องสาวตนนั้น ทางครอบครัวตนก็ไม่ได้เป็นกังวล เพราะน้องสาวเลิกกับฝ่ายชายนานแล้ว ถ้าเขาจะฟ้องก็ฟ้อง น้องส่วไม่ได้ไปยุ่งกับสามีคุณแล้ว ที่ผ่านมาฝ่ายชายเคยมาที่บ้านตน 1 ครั้ง ตั้งแต่เป็นข่าวตนก็ได้แนะนำให้น้องสาวใจเย็น เพราะเลิกกับฝ่ายชายแล้ว ไม่ได้ยุ่งกันแล้ว ตนอยากจะถามคู่กรณีว่า จะฟ้องเอาอะไร
ทีมข่าวเดินทางมาพบกับ นางมุกดา ภรรยาหลวง เปิดเผยว่า หลังข่าวออกไปฝ่าย น.ส.เนิร์ดยังเงียบ ไม่มีการติดต่อ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยที่ตนจับได้แรก ๆ คือมักจะฟ้องสามีตน ให้มาต่อว่าตนทำนองว่า ตนในฐานะภรรยาหลวงไปสร้างความวุ่นวาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ตนเสียใจจนถึงวันนี้ ที่สามีไม่เคยปกป้องตน และยังออกตัวแทนผู้หญิงคนดังกล่าว
ทั้งนี้ล่าสุดสามีตนติดต่อมาเมื่อคืนนี้ หลังข่าวออกอากาศ ตนไม่รับสาย พร้อมทั่งยังทักแชตมา แต่ตนไม่อ่าน เท่าที่เห็นน่าจะเกี่ยวกับมาต่อว่าตนที่ไปทำให้เขาเสียหาย และที่ตนไม่รับสายเนื่องจากตนไม่อยากพูดคุยเวลานี้ และตนก็ปรึกษาทางกฎหมายอยู่ ส่วนที่พี่สาวของ น.ส.เนิร์ด ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าตนใส่ร้าย ทำนองว่า น.ส.เนิร์ดเลิกยุ่งกับสามีตนแล้ว ตนยอมรับว่าฝ่ายหญิงเคยบอกตนจริง แต่ที่ผ่านมาก็เห็นว่ายังไปมาหาสู่และติดต่อกันตลอด
อย่างที่ตนโพสต์ไป เป็นภาพในอินสตาแกรมของฝ่ายหญิงโพสต์ไว้ พร้อมกับภาพที่มีคนถ่ายได้ ระหว่างสามีตนกับ น.ส.เนิร์ด ซึ่งโพสต์ช่วง 16 ธ.ค.64 ตนอยากรู้แบบนี้เลิกแล้วหรือไม่ ล่าสุดที่ตนไปห้องพักของสามีเมื่อ 21 ก.พ.64 ก่อนที่จะตัดสินใจโพสต์ ก็ไปเจอกองเสื้อผ้าถูกยัดไว้ในถุง ตนรื้อออกมาก็เจอเสื้อผ้าตามภาพ แถมมีคนให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีหลักฐานมัดตัวฝ่ายหญิงเบอร์ 2
นอกจากนี้ ตนมองว่าครอบครัวฝ่ายหญิงคำพูดเชื่อไม่ได้ ตนเคยทะเลาะกับพี่สาวของน.ส.เนิร์ด เหตุเกิดจากที่ตนรู้ว่าสามีออกจากค่ายทหารไปกับฝ่ายหญิง จึงโทรศัพท์ไปหา แต่พี่สาวของเนิร์ดรับสาย และพูดกับตนทำนองยั่วอารมณ์ ก่อนจะบอกให้ตนไปตามหาสามีเอง มีประโยคที่ว่า ตนไปวุ่นวายเอง ผู้ชายไม่หยุด ผู้ชายมาหาเอง แถมถามต่อว่า “เป็นเมียหลวงแล้วอยู่ด้วยกันไหม” ก่อนพี่สาวน.ส.เนิร์ด จะขอคุยกับแม่สามี และถามสวนกลับแม่สามีว่า "ลูกชายแม่อยู่ไหนคะ" ก่อนจะมีการเถียงกัน และฝ่ายหญิงออกคำสั่งให้แม่สามีหุบปาก พี่สาวน.ส.เนิร์ด ยังถามกลับว่า “ลูกชายแม่มายุ่งกับน้องหนูทำไม” ส่วนตอนนี้ตนตอบไม่ได้ว่าจะกลับไปหาสามีอีกหรือไม่ ต้องรอดูอนาคต แต่ยืนยันว่าตนจะฟ้องตามคำเชิญของ น.ส.เนิร์ด แน่นอน
