จากกรณีนักธุรกิจสาวบุกร้องสื่อ ถูกทหารยศเรือโทข่มขู่ หลังเลิกคบ เพราะมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ถูกขู่แฉภาพลับและขู่ฆ่าหากเลิกคบ จึงมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม
วันที่ 27 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับนางสาวเหมียว (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 40 ปี ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักกับนายทหาร นายธง (นามสมมติ) ผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ เมื่อเดือนมกราคม 2563 จนกระทั่งรู้จักและพูดคุยได้ประมาณ 2 เดือน ตลอดการพูดคุยฝ่ายชายก็มักจะเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเองให้ฟังอยู่เสมอ บอกว่าตัวเองและลูกคนโตเพศชาย 11 ปี คนเล็กเพศหญิง 8 ปี มีความลำบาก เพราะภรรยาติดหนี้และหนีไปอยู่ที่อื่น ตนเองไม่ทราบว่านายธงกับภรรยาจดทะเบียนกันหรือไม่ จึงเกิดความเห็นใจและสงสาร คุยกันจนกลายเป็นความรักต่อกัน
จนกระทั่งเดือนเมษายน 2563 มีการนัดหมายเพื่อที่จะไปดื่มกาแฟด้วยกัน เป็นการเจอกันครั้งแรก ตนเองจอดรถขึ้นรถของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายกลับเลี้ยวเข้าโรงแรม ฝ่ายชายมีสีหน้าเครียด บอกกับตนเองว่าจะไม่ทำอะไร ตนเองก็เชื่อใจก็มีการพูดคุยกันที่ห้อง และแชร์ความรู้สึก พูดคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งมีความสัมพันธ์กัน หลังจากกลับมาวันนั้นตนเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ถูกต้อง จึงขอเลิกกับฝ่ายชาย และฝ่ายชายยืนยันว่าจะไม่เลิก ขอให้เรียนรู้กันไปก่อน ตนเองจึงตัดสินใจคบหาต่อ ตลอดระยะเวลาที่คบหากัน ตนเองเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หมดเงินไปเกือบ 100,000 บาท ทั้งค่ากินค่าอยู่ในชีวิต ของใช้ในครัวเรือน
และประมาณเดือนมิถุนายน 2563 ตนเองก็เริ่มทะเลาะกับนายธงบ่อยขึ้น เพราะตนเองพยายามตีตัวออกห่าง แต่นายธงไม่ยอม ตนเองก็ทราบว่านายธงมีภรรยา ยอมรับว่าผิดตรงนั้น แต่นายธงบอกกับตนเองประมาณว่า แยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว ที่ตนเองเชื่อว่า นายธงแยกกับภรรยาแล้ว เพราะนายธงมักจะใช้ถ้อยคำหยาบคายคุยกับภรรยาในช่วงที่อยู่กับตนเอง ตนเองจึงเชื่อว่านายธงแยกทางกับภรรยาแล้วจริง
จนกระทั่งมีคนมาบอกตนเองว่านายธงยังอยู่กับภรรยา ตนเองจึงขอเลิกรา แต่นายธงมีการข่มขู่ตนเองว่าหากจะเลิก จะมีคลิปลับมาเผยแพร่ รวมถึงจะฆ่าตนด้วย ต่อมานายธงก็มีการจะขอเงินตนเองจำนวน 2.5 แสนบาท เพื่อที่จะให้ภรรยาและฟ้องหย่า แต่ตนเองไม่ให้ ต่อมาเดือนกันยายน 2563 ตนเองทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ นายธงจึงพาตนเองไปฝากครรภ์ขณะที่อายุครรภ์ประมาณ 2 สัปดาห์ จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน ตนเองเดินทางไปที่ห้องของนายธง พบว่านายธงยังอยู่กินหลับนอนกับภรรยา จึงตัดสินใจเลิกอย่างเด็ดขาด และจะเลี้ยงลูกด้วยตนเอง จนตนเองมีการพูดคุยกับภรรยาหลวง และภรรยาหลวงก็คล้ายว่าจะเห็นใจ สุดท้ายภรรยาหลวงเปิดใจว่า เงินจำนวน 2.5 แสนบาทที่นายธงบอกว่าจะนำมาให้ตนเอง แท้จริงแล้วเป็นการร่วมกันหลอกลวง ตนเองช้ำใจ และเครียดมาก และแท้งลูกขณะที่อายุครรภ์ประมาณ 2 เดือน
หลังจากนั้น ตนเองมีการส่งเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาของฝ่ายชายแล้วหลายรอบ แต่ไม่มีการดำเนินการลงโทษอย่างจริงจัง รวมถึงตนเองจึงเข้าแจ้งความที่ สภ. สัตหีบ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ในเรื่องข้อหาข่มขู่จะฆ่า ซึ่งความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลและรวบรวมหลักฐาน และเดือนธันวามคม 2563 ตนเองก็ได้แจ้งความที่ สภ.บ้านฉาง เรื่องที่นายธงมีการกล่าวหาว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ระหว่างรอขึ้นศาลแล้ว
นอกจากนี้ ตนเองอยากฝากถึงฝ่ายชายว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง จะคิดว่าดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตสบายมาหลอกลวผู้หญิง มันไม่ใช่ ซึ่งตัวเองก็เป็นราชการด้วย และเตือนเป็นอุทาหรณ์ของผู้หญิงทุกคนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของชายคนนี้อีก
ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม นายธง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นเรื่องจริง ไม่มีการข่มขู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากมีหลักฐานก็ไปแจ้งความได้ ไม่ต้องมาร้องสื่อฯ ตนเองมีหลักฐานว่าฝ่ายหญิงต้องการทำลายชื่อเสียงของตนเอง ตนเองยืนยันว่าไม่มีคลิปลับใด ๆ เลย ไม่เคยถ่าย
ส่วนเรื่องตั้งครรภ์ก็ไม่มีหลักฐานว่าเด็กในท้องเป็นลูกตนเองหรือไม่ ทำไมไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ และเด็กไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีการไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่จากการที่ฝ่ายหญิงอ้างว่าเครียดจนแท้งก็ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าตนเองมีภรรยาที่ถูกต้องอยู่แล้ว ฝ่ายหญิงมาร้องสิทธิ์ในฐานะอะไร ตนเองมีศักดิ์ศรีความเป็นทหาร ถ้าเป็นลูกตนเอง ตนเองก็ต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริงแน่นอน และไม่เคยหลอกลวงเงินฝ่ายหญิง ถ้าหลอกลวงจริงก็นำหลักฐานไปแจ้งความเลย ยืนยันว่าตนเองหลงผิดคบหากับฝ่ายหญิงผ่านทางแอปพลิเคลันหาจริง แต่ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแ และฝ่ายหญิงก็มีการยืมเงินตนเอง ตนเองบอกว่ามีครอบครัว แต่ทางฝ่ายหญิงก็ยืนยันจะคบหาต่อ จนเกิดเรื่องราวเกิดขึ้น ยืนยันว่าภรรยาตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ขอเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย