กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ตับพัง เพราะตังค์เพื่อน" โพสต์เรื่องราวกรณีนายเสมา พุฒิสาร หรือ ท็อป อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิต ถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกายตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.64 ที่ผ่านมา
ภายในพื้นที่เขตรามอินทรา กรุงเทพฯ ซึ่งระยะเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเหตุดังกล่าวอยู่ในเขตรับผิดชอบ สน.บึงกุ่ม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 26 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ย่านซอยนวมินทร์ ได้พบกับ นายหน่อง (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 52 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 เวลาประมาณ 20.00 น. นายเสมา ผู้เป็นลูกชายได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านในซอยนวมินทร์ 26 ซึ่งด้วยความไม่ลงรอยกัน ทำให้นายเสมาทะเลาะกับน้องสาวคนเล็กและน้องเขย เกิดการกระทบกระทั่งกันในครอบครัว ซึ่งน้องสาวก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจ
ขณะเดียวกันก็มีนายบอล พลเมืองดีเข้ามาช่วยห้ามปราม นายเสมา ก็เอากรรไกรแทงเข้าที่มือซ้ายของนายบอล ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นนายเสมา ก็ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป ส่วนนายบอล ก็ไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาแผล ก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่ตำรวจ 4-5 คน เข้ามาในซอยและไม่เจอนายเสมา จึงสั่งวัยรุ่นในพื้นที่ว่าถ้าเจอตัวนายเสมา ก็ช่วยจับตัวเอาไว้ หลังจากนั้นตำรวจก็เดินทางกลับไป
กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. นายเสมาก็เดินทางกลับมาที่บ้าน กลุ่มวัยรุ่นในซอยที่นั่งกันอยู่ก็ถือไม้และวิ่งเข้าไปชกต่อย ทำร้ายและขว้างสิ่งของใส่นายเสมา ซึ่งเจ้าตัวพยายามขัดขืนและวิ่งหลบหนีไปจนถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้กับซอยนวมินทร์ 77 ซึ่งเป็นระยะทางกว่า 6-7 กิโลเมตร
แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไล่ตามไปจนถึงในปั๊ม ในตอนนั้นท่าทีของนายเสมาก็สงบลงแล้ว แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ยังคงไล่ตีด้วยไม้ง่ามและไม้เบสบอลจนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส นายเสมาได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะจนเลือดคั่งในสมอง ดั้งหัก แขนซ้ายหัก และแพทย์พยายามผ่าตัดยื้อชีวิต แต่เกิดอาการสมองตายและนายเสมาก็เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 15 ก.พ.64
ทั้งนี้ตนยอมรับว่าสาเหตุที่ออกมาร้องเรียนสื่อมวลชน เพราะว่าคดีไม่มีความคืบหน้า แม้ว่าตำรวจจะมีกล้องวงจรปิด เและการเรียกพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไปชี้ตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ตนจึงอยากร้องขอความเป็นธรรมแทนลูกชาย เพราะกลุ่มวัยรุ่นก็ยังคงใช้ชีวิตปกติและมั่วสุมอยู่ในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีเรื่องกับวัยรุ่นที่ก่อเหตุ และเข้าใจว่ากลุ่มคนก่อเหตุนั้นไล่ตามจับลูกชายอย่างที่ตำรวจขอความร่วมมือเอาไว้ แต่มองว่าการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นนั้นเป็นพฤติกรรมที่เกินกว่าเหตุ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เก๋ (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 47 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวตัดสินใจออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพราะว่าคดีมีความล่าช้า เนื่องจากหลานชายตายไปเกือบเดือน และตำรวจก็มีการเรียกพยานไปสอบปากคำรวมถึงชี้ตัวคนร้ายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการจับกุมใคร ซึ่งตำรวจเพียงบอกให้พวกคนใจเย็น ๆ
แต่คนก่อเหตุก็ยังคงอยู่ในซอยนวมินทร์ 26 ซึ่งตนและครอบครัวก็มีความกังขาว่าทำไมตำรวจถึงจับตัวคนร้ายไม่ได้ ทั้งที่ตนก็ได้มอบคลิปวงจรปิดขณะเกิดเหตุให้ไปตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.64 แล้ว ซึ่งตนคิดว่าการทำงานของตำรวจนั้นล่าช้าเกินไป เพราะหลังจากที่เผาศพหลานชาย ก็ไม่มีการติดต่อจากตำรวจอีกเลย
น.ส.เก๋ กล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่านายเสมา ไม่เคยมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นอย่างแน่นอน เพียงแต่วัยรุ่นช่วยกันจับตัวนายเสมา แต่อาจจะเกิดจากความมันมือและคึกคะนอง จึงทำร้ายจนนายเสมาบาดเจ็บและเสียชีวิต ตนรู้สึกเสียใจมาก ๆ เพราะตนค่อนข้างสนิทกับหลานชาย เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ และตนสังเกตว่าในวันเกิดเหตุ หลานชายก็ไม่ได้บ้าคลั่งจนอีกฝ่ายต้องทำร้ายถึงขนาดนี้ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมาก ๆ เพราะหลานชายยังมีลูกสาวอีก 2 คน อายุ 14 และ 12 ปี ที่ต้องดูแล
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ธีรยุทธ ใหม่แปง ผกก.สน.บึงกุ่ม กรุงเทพฯ ให้ข้อมูลว่า ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังคงสืบหาตัวคนร้ายอยู่ เบื้องต้นได้สั่งการให้ร้อยเวรเจ้าของคดีเรียกตัวพ่อของผู้เสียชีวิตมาให้การเพิ่มเติม
