จากกรณีเหตุการณ์ สิบตำรวจโทพรเทพ ชาญณรงค์ มึนเมาสุรา ใช้อาวุธปืนยิงนายอรุณ ทองพลับ พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว ขณะเดินถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวกลับร้าน โดยเหตุเกิดหน้าสถานบันเทิงในซอยบางลา ป่าตอง เมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 23 ก.พ. 64
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดนาที! ตร.เมากร่างคว้าปืนยิงพ่อค้าก๋วยเตี๋ยว เมียไหว้พระขอผัวพ้นโคม่า พยานแฉเมายันตี 5
วันที่ 24 ก.พ. 64 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลวชิระ พลตำรวจโทกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับพลตำรวจตรีภรศักดิ์ นวนหนู ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และคณะตำรวจ เข้าเยี่ยมอาการของนายอรุณ ทองพลับ พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวผู้บาดเจ็บ โดยได้มอบกระเช้าของขวัญ พร้อมเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตในการช่วยเหลือ โดยมีภรรยาผู้บาดเจ็บและญาติรับมอบ
พลตำรวจโทกิตติ์รัฐ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ตั้งใจมาเยี่ยม และให้กำลังใจกับทางญาติผู้บาดเจ็บ ทราบว่าผู้บาดเจ็บยังมีลูกเล็กด้วย โดยให้ความมั่นใจว่าไม่ต้องกังวลเรื่องทางคดี ตำรวจรับนโยบายจาก ผบ.ตร. ที่ได้กำชับการดำเนินคดีทุกอย่างต้องตรงไปตรงมาเฉียบขาด ในคดีนี้เบื้องต้นได้มีการตั้งกรรมการพิจารณาหลายแบบ โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อนเรียบร้อยแล้ว
นางนวลจันทร์ ทองพลับ แม่ผู้บาดเจ็บ เดินออกมาจากหน้าห้องไอซียูศัลยกรรม ผู้ป่วยหนัก ซึ่งภายในมือถือธูปเทียนมาบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริเวณลานบุญของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองลูกชาย ให้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมไปด้วยดี จากนั้นยังภาวนาเรียกให้ลูกชายฟื้นขึ้นมา เพราะคิดว่าลูกชายในระหว่างนี้จิตอาจจะหลุดไปอยู่ที่อื่น หาทางกลับมาไม่ได้
นางนวลจันทร์ แม่ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนเพิ่งจะเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมดูอาการของลูกชาย เมื่อช่วงเวลา 06.00 น. เนื่องจากตนอาศัยอยู่ที่ จ.ตรัง ซึ่งขณะนี้ทางแพทย์ได้แจ้งมาว่าลูกชายของตนมีสติขึ้นบ้างแล้ว มีการรับรู้ได้เป็นบางช่วง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าดูอาการของลูกชายได้
ส่วนตัวตอนนี้ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงรู้สึกโกรธแค้นกับการกระทำของนายตำรวจคนดังกล่าว เพราะลูกชายของตนไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ทั้งนี้ ตนมีลูก 4 คน ลูกชายของตนที่บาดเจ็บเป็นลูกคนโต ลักษณะนิสัยเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน รักครอบครัว ก่อนหน้านี้ลูกชายก็อยู่อาศัยที่ จ.ตรัง แต่มีครอบครัวก็ย้ายมาอยู่อาศัยที่บ้านของภรรยา มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโต อายุ 4 ขวบ ส่วนคนเล็ก 4 เดือน
ก่อนที่จะเกิดเหตุช่วง 2-3 วัน ตนฝันว่าลูกชายกลับมาหาตนที่บ้าน มาตะโกนเรียกตนในความฝัน เช้าวันรุ่งขึ้นจึงรีบโทรไปหาลูกชาย ลูกชายก็บอกว่าสบายดี ต่อมาอีกวันก็มาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ซึ่งถ้าหากครอบครัวของฝั่งคนก่อเหตุมาขอโทษ ตนยังยืนยันว่าจะไม่ยกโทษให้ และจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด จะเอาผิดให้ถึงที่สุด ส่วนตัวจากที่เคยให้ความเคารพตำรวจ พอเจอเหตุการณ์ตำรวจมายิงลูกชายของตนโดยไม่มีเหตุ ยอมรับว่ารับไม่ได้อย่างมาก
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังซอยบางลา ป่าตอง ถนนคนเดินวอล์กกิ้งสตรีท หน้าร้านผับแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ที่เกิดเหตุ โดยร้านที่นายพรเทพก่อเหตุยิง กับร้านที่นายพรเทพนั่งดื่ม ระยะห่างกันเพียง 50 เมตร เป็นร้านตรงข้ามกัน
นายโอ (นามสมมติ) พนักงานในผับที่เกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อช่วงเวลา 05.00 น. ตำรวจผู้ก่อเหตุมีปัญหาทะเลาะกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง และชักปืนมายิงขึ้นฟ้า เป็นบริเวณหน้าร้านแรก เป็นร้านที่นายพรเทพนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าร้าน จากนั้นทางการ์ดพนักงานของร้านฝั่งตรงข้ามได้ตะโกนสั่งไปว่า "อย่าใช้อาวุธปืนในพื้นที่" นายพรเทพก็ได้เดินมาที่ร้านฝั่งตรงข้ามเพื่อมาขอโทษ จากการที่ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า ต่อจากนั้นก็ได้เดินกลับไปนั่งที่หน้าร้านแรกตามปกติ
จนเวลาประมาณ 05.30 น. นายพรเทพเดินมาที่หน้าร้านที่สองอีกครั้ง จังหวะนั้น นายอรุณ ผู้บาดเจ็บ เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวกลับร้าน ทางนายพรเทพเดินตรงเข้ามาใช้ปืนยิงใส่นายอรุณทันที จนทางการ์ดพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าได้ยินเสียงนายอรุณตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แล้วพูดว่า "ยิงผมทำไม"
ส่วนตัวตอนนี้รู้สึกสงสารผู้บาดเจ็บมาก ที่ต้องมารับเคราะห์กระสุนปืนจากผู้ก่อเหตุที่มีอาชีพเป็นตำรวจ โดยก่อนหน้านี้นายพรเทพเคยมานั่งอยู่ดื่มอยู่ที่ร้านที่สองเกือบทุกครั้ง ซึ่งจากการพูดคุยก็ปกติดีทุกอย่าง มีการทักทายกับทางพนักงาน ไม่เคยเห็นมีการทะเลาะกับใครภายในร้าน โดยสาเหตุในครั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาจากอาการมึนเมาดื่มหนัก จนควบคุมสติไม่ได้
ที่สำคัญเวลาในการเปิดให้บริการ ร้านที่สองจะเริ่มเปิดตอน 22.00 น. และจะปิดลงในเวลา 03.00 น. ไม่ได้มีการเปิดให้บริการถึง 05.00 น. อย่างที่เป็นข่าว ขณะนี้ทางร้านที่สองได้ถูกสั่งปิดลงอย่างไม่มีกำหนด เพราะทางร้านเป็นพื้นที่ที่นายพรเทพมาใช้ปืนก่อเหตุยิงพ่อค้าก๋วยเตี๋ยว ทางพนักงานภายในร้านรวมถึงตนลำบากมาก ต้องหยุดงานอย่างไม่มีกำหนด ขณะนี้ตนยังแปลกใจว่าทำไมทางร้านแรกที่นายพรเทพไปนั่งดื่มยังคงให้เปิดบริการอยู่ตามปกติ
นายเจ (นามสมมติ) พนักงานผับร้านแรก กล่าวว่า ร้านของตนเริ่มเปิดร้านตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะปิดร้านในช่วงเวลา 00.00 น. ซึ่งช่วงที่นายพรเทพมานั่งที่ภายในร้าน ตนก็ไม่ได้สังเกต ขณะที่ร้านของตนได้ปิดลงในเวลาเที่ยงคืน แต่จำพวกเก้าอี้ โต๊ะนั่ง ยังคงตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านของตน นายพรเทพยังคงมานั่งต่อที่หน้าร้าน และก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนตัวไม่เคยพบเห็นนายพรเทพมาก่อน และไม่เคยคุ้นหน้า
ตอนนี้รู้สึกสงสารคนที่บาดเจ็บมาก ที่ต้องมาถูกคนที่เป็นอาชีพตำรวจก่อเหตุยิงอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ อยากให้ทางกฎหมายเอาผิดให้ถึงที่สุดไป และสงสารทางร้านที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน ที่ต้องถูกสั่งปิดลงอย่างไม่มีกำหนด ก่อนหน้านี้บริเวณถนนคนเดินแห่งนี้เงียบลงจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ตอนนี้หลายคนต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยมแบบนี้ 2 วันผ่านไป แทบไม่มีใครมาเดินเที่ยวบริเวณนี้เลย ขาดรายได้กันแทบทุกร้าน
นางอุไรวรรณ ยิ่งนอก แม่ยายผู้บาดเจ็บ ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพบรถพ่วงขายก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ เป็นรถที่ทางนางอุไรวรรณใช้ค้าขายเป็นอาชีพ กล่าวว่า ปกติตนจะทำอาชีพค้าขายก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ มา 10 ปีแล้ว พร้อมกับย้ายบ้านมาอยู่บ้านเช่าที่แห่งนี้
ซึ่งตนจะเริ่มจัดเตรียมของตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของทุกวัน และจะเริ่มออกไปขายที่หน้าปากซอยบ้านก่อนเป็นที่แรก ในเวลา 14.30 น. จนไปถึงเวลา 00.30 น. จะขี่รถพ่วงก๋วยเตี๋ยวไปขายต่อที่ถนนคนเดินบางลา ป่าตอง โดยมีระยะทาง 2 กิโลเมตร จะตั้งขายอยู่บริเวณตรงข้ามกับร้านผับที่เกิดเหตุมาตลอด เป็นที่ประจำไปแล้ว
ต่อจากนั้นก็จะขายไปจนถึงเวลา 07.00 น. แล้วกลับเข้ามาบ้านเพื่อพักผ่อน เริ่มเตรียมของเพื่อไปขายอีกครั้งช่วง 10.00 น. จะออกไปซื้อของจำพวกผัก เนื้อไก่ และวัตถุดิบอื่น ๆ มาเตรียมไว้ และจัดข้าวของออกไปขาย ใช้ชีวิตทำอาชีพอยู่แบบนี้มาตลอดจนชินแล้ว ช่วง 2-3 ก่อเกิดเหตุ ตนมีอาหารเจ็บปวดดวงตา เนื่องจากโดนฝุ่นกระเด็นเข้าตา ต้องพักสายตาอยู่บ้าน ถามลูกเขยว่าได้เงินค่าวินมอเตอร์ไซค์เท่าไร ลูกเขยบอกว่าได้มาแค่ 100 บาท ตนจึงแนะนำให้ลูกเขยไปขายก๋วยเตี๋ยวแทน 2-3 วัน เพราะตนออกไปขายไม่ไหว ลูกเขยก็ตอบตกลง ออกไปขายคนเดียว ทำทุกอย่างเหมือนกับตนทุกอย่าง
จนรุ่งเช้ามาทราบว่าลูกเขยถูกนายตำรวจยิง คิดว่าอาจจะถูกหลง แต่พอมาเห็นในภาพวงจรปิด ส่วนตัวรับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ภาระทุกอย่างต้องอยู่ที่ตนและลูกสาวของตน ร้านก๋วยเตี๋ยวของตนก็ต้องหยุดขายไป เพราะต้องคอยดูอาการลูกเขยก่อน ที่สำคัญก็ต้องช่วยดูแลหลานอีก 2 คนไปด้วย ตอนนี้ยอมรับว่าลำบากมาก ขาดรายได้ ช่วงระหว่างนี้ไม่ได้ทำงานหาเงิน นอกจากขายก๋วยเตี๋ยวเพียงอย่างเดียว ยอมทนอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้ลูกเขยกลับมาหายปกติก่อน แล้วค่อยดำเนินการค้าขายใหม่
ลูกเขยของตนเป็นคนดีมาก หาเงินเช้ากินค่ำ รักครอบครัวมาก ยอมทำงานได้ทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัว ไม่เคยเลือกงานเลยแม้แต่น้อย ทำได้ทุกอย่าง เมื่อมาทราบข่าวว่าลูกเขยถูกยิงเจ็บหนักแบบนี้ ตนไม่ให้อภัยทางผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน
ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.ป่าตอง พบว่าภรรยาและพี่เขยของผู้บาดเจ็บ เดินทางมาเพื่อเข้าแจ้งความ 3 ข้อหาคือ พยายามฆ่า, พกพาอาวุธไปที่สาธารณะ และยิงปืนโดยไม่มีเหตุสมควรในที่สาธารณะ
นายจีรวัฒน์ สิงห์ทอง พี่เขยผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับทางนายพรเทพ ตำรวจที่ก่อเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังรวบรวมหลักฐานอีกครั้ง ซึ่งตนขอชี้แจงกรณีที่มีข่าวออกไปว่าทางน้องเขยเดินเข้าไปห้ามตำรวจกับชาวต่างชาติที่มีปากเสียงทะเลาะ ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าเห็นจากภาพกล้องวงจรปิด มีแค่มุมที่น้องเขยตนถูกยิงแล้ว ด้วยจากลักษณะนิสัยของน้องเขยที่อยู่ใกล้ชิดกันมาเป็นคนสู้งาน ทำงานได้ทุกอย่าง ไม่เคยเลือกงาน และที่สำคัญไม่เคยทะเลาะกับใคร เวลาใครต่อใครมีปัญหาจะค่อนข้างไม่เข้าไปยุ่ง จะหนีทุกครั้ง เพราะกลัวอันตรายถูกลูกหลง
ซึ่งช่วงเที่ยงที่ผ่านมาทราบมาว่าทางญาติของนายพรเทพ ผู้ก่อเหตุ ติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบอกว่ายังไม่กล้ามาพบกับทางครอบครัวของตน ตนอยากฝากบอกกับทางญาติของนายพรเทพว่าขอให้ออกมาพูดคุย ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ไม่ต้องกังวล กลัวว่าจะมีปัญญา ทุกคนมีสติ สามารถพูดคุยเจรจากันได้ ถ้าหากทางญาติผู้ก่อเหตุจะมีการมารับผิดชอบ มอบเงินค่ารักษาให้ ตนยืนยันว่าจะไม่ขอรับสักบาท ตนและคนในครอบครัวพร้อมหาเงินมารักษากับน้องเขยของตนกันเอง
