ลุงพลซวยอีก! คลิปว่อนขายชาป้องกันมะเร็ง "ปิ๋ม" ปัดจ้างพูด ยูทูเบอร์แฉตื๊อช่วยโปรโมต (คลิป)

24 ก.พ. 64

กรณีความคืบหน้าหลังจากที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดในข้อหาการโฆษณาเกินจริง ตามพ.ร.บ.อาหารและยา หลังจากลุงพลและกลุ่มยูทูเบอร์ไลฟ์สดขายชายี่ห้อหนึ่งเกินจริง ระบุสรรพคุณรักษาโรคได้นั้น

842596

ล่าสุดวันที่ 24 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล พบว่าเจ้าตัวยังคงทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มยูทูเบอร์อยู่บริเวณหน้าบ้าน ไลฟ์สดทำเนื้อหาลงช่องของตัวเอง ซึ่งมีลุงพลยืนอยู่ตรงกลาง และมีกลุ่มยูทูเบอร์ยืนล้อมรอบ และลุงพลก็ไม่ได้มีกำหนดการว่าจะเดินทางออกไปไหน และยังไม่มีท่าทีว่าจะพากลุ่มยูทูเบอร์ไปทำกิจกรรมนอกหมู่บ้าน

711078

จากนั้น ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า บริเวณหน้าบ้านของลุงพล ยังคงมีป้ายแบรนด์สินค้าชาติดอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ได้มีการปลดออกส่ง หรือย้ายไปติดตั้งจุดอื่น ซึ่งบริเวณหน้าบ้าน มีการติดตั้งป้ายแนวตั้ง ปรากฏรูปของลุงพลใส่เสื้อสีดำ พร้อมกับแบรนด์ชา ติดตั้งอยู่จำนวน 2 ป้าย ซึ่งก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายหรือปลดออก ขณะที่ศาลาไม้ที่อยู่ข้างกับปู่พญานาคปาริจิต ยังมีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ผืน ติดตั้งเอาไว้อยู่เหมือนเดิม ก็ไม่ได้มีการปลดออก หรือย้ายตำแหน่งแต่อย่างใด

208764

ขณะเดียวกันทีมข่าวสังเกตุว่ากลุ่มยูทูเบอร์ที่ล้อมรอบตัวลุงพล ในวันนี้ส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าธรรมดา ไม่มีใครใส่เสื้อโฆษณาแบนชาเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ เพราะส่วนใหญ่จะสวมใส่เพื่อโปรโมตออกช่องของตัวเอง และให้ช่องอื่น ๆ ถ่ายติด แต่สังเกตว่าวันนี้ด้วยกระแสที่นายอัจฉริยะไปร้องเรียน ทำให้ทุกคนไม่สวมใส่เสื้อดังกล่าว หรืออาจเป็นเพราะว่ามีจำนวน เพราะใส่ซ้ำมาหลายวัน จึงไม่ได้มีการสวมใส่ในวันนี้ก็ได้

376901

ทั้งนี้ ป้ายโปรโมตชา เดิมทีเคยติดตั้งอยู่บริเวณโซฟาสีเขียวในบ้านของลุงพล และบริเวณผนังใกล้กับหน้าต่าง แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าถูกดึงออกแล้วหรือไม่ เพราะระยะหลังลุงพลไม่ได้เปิดบ้านต้อนรับใคร จะมีเฉพาะพรรคพวกหรือกลุ่มคนที่รู้จักเท่านั้น ที่อนุญาตให้เข้าไปในบ้านได้

538355

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูม เดินทางนำหมายเรียก ที่ทนายสมเกียรติ ได้ลงบันทึกประจำวันขอเลื่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ในคดีทำร้ายร่างกายนักข่าวและพยายามชิงทรัพย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายเรียกใหม่ มามอบให้ลุงพล เพื่อนัดหมายวันเวลา เข้าพบกับพนักงานสอบสวน ในวันที่ 1 มี.ค.64 ตามที่ได้เลื่อนวันนัดหมายเอาไว้

251396

นายสุรชัย สุวรรณกิจ หรือ บูมน้อย ยูทูเบอร์ช่องบูมน้อยร้อยเอ็ด อายุ 28 ปี เปิดเผยว่า ตอนที่ตนเข้าไปทำเนื้อหาลงช่องยูทูบของตัวเอง พบว่ามีแบรนด์สินค้ากาแฟ เป็นตัวหลักที่ลุงพลเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ จากนั้นในช่วงระยะหลังมีแบรนด์สินค้าชา เข้ามาจ้างลุงพลให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ยอดขายยังไม่ขยับ และมีเจ้าของแบรนด์เดินทางมาหาลุงพล ทำนองว่าตำหนิเกี่ยวกับยอดขายที่ไม่ขยับ ลุงพลจึงได้ประสานและขอความร่วมมือกลุ่มยูทูเบอร์ให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ แต่ตนยืนยันว่าไม่รู้เกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับจากแบรนด์สินค้าหรือลุงพล

379468

แต่ทั้งนี้ตนรู้สึกไม่สบายใจต่อการกระทำดังกล่าวของลุงพล ที่ขอให้กลุ่มยูทูเบอร์ช่วยกันประชาสัมพันธ์ หรือช่วยกันโปรโมตขายของ ทั้งที่ตัวของลุงพลเป็นคนรับเงินโดยตรงจากเจ้าของแบรนด์ แต่ในระยะหลังพอขายไม่ได้จึงมาอ้อนวอนขอให้ช่วยเหลือ “ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับกลุ่มยูทูเบอร์ และไม่อยากให้มองว่ายูทูเบอร์เป็นเครื่องมือของใคร” ซึ่งหากต้องการให้ยูทูเบอร์มีส่วนร่วม ก็ควรจะบอกตั้งแต่แรก ตั้งแต่เริ่มรับเงิน

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวในฐานะคนที่เคยไปอยู่จุดตรงนั้น ขอฝากแสดงความเป็นห่วงไปยังเพื่อน ๆ ยูทูเบอร์ด้วยกัน ว่ากลัวเพื่อน ๆ จะตกเป็นเครื่องมือ เพราะการไปอยู่ตรงนั้นถูกใช้ให้ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง และเมื่อรู้แบบนี้แล้ว ยังอยากจะเป็นเครื่องมือของเขาอยู่หรือไม่

211897

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.ศุภรดา หรือ ปิ๋ม ซีโฟร์ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวานนี้ที่ตนเข้าไปเป็นพยานในประเด็นที่เคยร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งตนเคยอ่านสรรพคุณของชาดังกล่าว ช่วยในเรื่องขับถ่ายทั่วไป พร้อมยืนยันว่าตนบอกต่อสรรพคุณตามที่ตนทดลองและเห็นผล คือ เรื่องการล้างลำไส้และขับถ่ายดีขึ้นเท่านั้น ตนไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ และไม่มีอะไรเกินจริง ตอนแรกตนไม่ทราบเรื่องว่าจะมีการแจ้งจับเรื่องสรรพคุณที่เกินจริง และต้องไปเข้าให้ปากคำ ซึ่งหลังจากข่าวออกไปเมื่อวานนี้ บางคนไม่ได้ดูข่าวตั้งแต่ต้น เข้าใจผิดว่าตนไปแจ้งความ จริง ๆ ไม่ใช่ แค่ไปเป็นพยานเท่านั้น

693189

ส่วนที่ตนตอบรับไปเป็นพยานในคดีนี้ เพราะตนกับนายอัจฉริยะ นับถือกัน จากนั้นได้พูดคุยกับนายอัจฉริยะเพื่อถามไถ่ด้วยตัวเองก็ตกใจ จากเดิมคิดว่าจะมีการแถลงข่าวจับคนร้ายได้แล้วหรือไม่ แต่กลายเป็นเรื่องโฆษณาเกินจริง ตนจึงไปพบตำรวจ อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าตกใจเมื่อเห็นคลิปและทราบว่าพรีเซ็นเตอร์อีกคน ระบุว่า สรรพคุณชาดังกล่าวสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 รวมถึงโรคมะเร็งได้

สุดท้ายนี้ตนยืนยันว่า ไม่อยากเป็นคู่กรณีกับใคร แต่ยืนยันว่ามาในฐานะพยานเท่านั้น และตอนนี้หลังจากที่ตนรับฟังตำรวจ ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นว่าตนไม่อยู่ในส่วนที่พูดโฆษณาเกินจริง แค่เป็นพยานเท่านั้น แต่ตนไม่สบายใจเรื่องที่คนเข้าใจตนผิด และขอยืนยันอีกครั้ง ตนมูฟออนในส่วนที่เคยบาดเจ็บสะบักสะบอมกับที่ผ่านมา จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กัน ไม่ต้องการเป็นประเด็นในสังคมกับใครอีก จากนี้ขอให้ทุกคนแยกประเด็นและเข้าใจตนด้วยว่า ตนอยู่ในส่วนของตน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส