กรณี พ.ต.ท.สุพัฒน์ ทองเขียว พนักงานสอบสวน สภ.กงหรา จ.พัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าตรวจสอบเหตุคนถูกแทงเสียชีวิต ซึ่งเหตุเกิดกลางแปลงเตรียมปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ ม.3 ต.สมหวัง อ.กงหรา จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 ที่ผ่านมานั้น
โดยที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน ล้มคว่ำริมถนนคอนกรีต ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบศพนายเอกพงศ์ ช่วยกลับ อายุ 34 ปี ชาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่ศีรษะ ใบหน้า ลำตัวด้านหน้า และแผ่นหลัง จำนวน 16 แผล นอนเสียชีวิตจมกองเลือด
นอกจากนี้ใกล้กัน ยังพบปลอกมีดพกตกอยู่ 1 ปลอก คาดว่าเป็นของคนร้าย เพราะมีดผู้ตายยังเหน็บที่เอว และไม่มีร่องรอยการใช้งานแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นแปลงเตรียมปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ หมู่ที่ 3 ต.สมหวัง อ.กงหรา จ.พัทลุง และเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับบ้านของผู้ก่อเหตุ โดยในที่เกิดเหตุพบจุดที่ถูกแทง 3 จุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พ้นสีไว้เป็นหลักฐาน
ทีมข่าวได้พบกับนายสมคิด ช่วยกลับ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลา 18.00 น. ลูกชาย พร้อมภรรยาได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากบ้านของตนเพื่อเข้าบ้านพัก หลังจากส่งภรรยาเข้าบ้านแล้ว ผู้ตายขี่รถออกไปร้านค้าอีกครั้ง โดยบอกภรรยาว่า จะไปเติมเงินโทรศัพท์ ช่วงขากลับเข้าบ้านมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มืดมาก คาดว่าลูกชายของตน ถูกผู้ก่อเหตุเรียกให้หยุดรถเพื่อเจรจาบางอย่าง ก่อนผู้ก่อเหตุจะลงมือจ้วงแทง 1 ครั้งขณะนั่งคร่อมอยู่บนรถ
เมื่อลูกชาย เห็นท่าไม่ดีก็ทิ้งรถจักรยานยนต์เพื่อวิ่งหนีลงไปในแปลงที่เตรียมปลูกหญ้า ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นดินแข็ง คาดว่าลูกชายอาจจะสดุดล้มลง ผู้ก่อเหตุจึงไล่กระหน่ำแทงไม่ยั้งมือเข้าจุดสำคัญต่าง ๆ ทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิตลงในที่สุด
โดยมาทราบข่าวว่า ผู้ก่อเหตุที่ลงมือแทง เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร ปกติก่อนหน้านี้ก็ยังทักทายพูดคุยกันดีทุกอย่าง ไม่เคยมีเรื่องปัญหาหมางใจกับลูกชายของตน ส่วนตัวคิดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะมีอาหารหลอนยา เพราะก่อนหน้านี้ทางผู้ก่อเหตุเพิ่งจะออกมาจากการเข้าบำบัดคดียาเสพติดมาแล้วประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา และยังใช้เหล็กทุบทำร้ายทางญาติของตัวเองมาแล้ว
นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า ถึงจะจับตัวคนก่อเหตุได้ ตนก็จะไม่ขออโหสิกรรมให้ เพราะยังรู้สึกโกรธแค้นมาก มาก่อเหตุกับลูกชายของตน เพราะยังมีอาการหลอนยาเสพติด จะปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย และเรื่องเวรกรรมที่ได้ก่อไว้
ขณะเดียวกันเมื่อช่วงสายของวันนี้ ผู้ก่อเหตุได้ขอเข้ามอบตัวที่ สภ.กงหรา จ.พัทลุง ทราบชื่อนายอรรถพล จีนปาน หรือ เจ อายุ 37 ปี ก่อนจะให้การสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นำอาวุธมีดขว้างทิ้งลงในบ่อน้ำหลังบ้านตัวเองเพื่อที่จะทำลายหลักฐาน อ้างว่าสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้มาจากหลอนยา คิดว่าคนตายจะมาแย้งภรรยาของตัวเองไป จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ในเวลาต่อมา 15.00 น. บริเวณบ่อหลังบ้านของผู้ก่อเหตุ นำโดยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับลูกบ้านกว่า 20 คน ช่วยกันระดมกันลงไปในบ่อร้างดังกล่าว เพื่อค้นหาอาวุธมีดที่ผู้ก่อเหตุใช้เข้าทำร้าย นายเอกพงศ์ (ผู้ตาย) จนเสียชีวิตคาแปลงปลูกหญ้า
ทีมข่าวสอบถามนายกิจวัตร รักจำรูญ ผู้ใหญ่บ้านม.3 ต.สมหวัง กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กงหรา ว่าทางผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าโยนมีดลงในบ่อ เพื่อทำลายหลักฐาน จึงได้เรียกลูกบ้านมาระดมช่วยกันค้นหามีดดังกล่าว โดยเริ่มการค้นหาตั้งแต่เวลา 13.00 น. มีเครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง และให้ลูกบ้านผลัดกันลงค้นหา 5-6 คน แต่ก็ยังใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง เนื่องจากดินในบ่อน้ำ เป็นดินลุ่ม
ต่อมาช่วงเวลา 17.00 น. ปรากฏว่าพบมีดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุดังกล่าว เป็นมีดพกสั้นปักติดอยู่กับดินภายในบ่อ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกลับไปที่สภ.กงหรา เพื่อเก็บไว้เป็นพยานหลักฐานต่อไป
นายกิจวัตร ยังกล่าวอีกว่า ปกตินายอรรถพล หรือ เจ (ผู้ก่อเหตุ) เป็นคนที่เคยมีประวัติติดสารเสพติดมาก่อน และได้เข้าบำบัดรักษาตัวมาแล้วเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ก็เคยก่อเหตุใช้เหล็กทุบตีญาติพี่น้องตัวเอง แต่เพียงแค่บาดเจ็บ ในครั้งนี้ถึงขั้นก่อเหตุกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน ซึ่งก็รู้จักกันดี ส่วนตัวคิดว่าอาจจะยังแอบเสพยาแล้วเกิดคลั่งหลอนทำร้ายคนอื่น
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางไปยังวัดสมหวัง อ.กงหรา จ.พัทลุง มีการจัดงานบำเพ็ญกุศลและการสวดอภิธรรมศพของนายเอกพงศ์ ช่วยกลับ อายุ 34 ปี ณ ศาลากลาง ภายในวัดสมหวัง โดยมีบรรดาญาติพี่น้อง ครอบครัวและเพื่อนสนิท เข้ามาร่วมพิธีในวันนี้เป็นวันแรกของพิธีสวดอภิธรรมศพ ซึ่งบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยในเวลา 16.00 น. ได้มีการแต่งหน้าศพ และในช่วงเวลาถัดมา 16.30 น. จะเป็นพิธีรดน้ำศพ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีญาติและคนที่รัก ต่างเข้ามาร่วมแสดงความไว้อาลัย
ทีมข่าวได้พบกับนางอาภาภร ทองพล ภรรยาผู้เสียชีวิต ซึ่งยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า กล่าวว่า นายเจ เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน รู้จักกันดี ไม่น่ามาฆ่าสามีของตนแบบนี้ ก่อนหน้านี้ก็คุยกันดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน จะมีก็แต่อาการหลอนยาของนายเจ ที่มักควบคุมตัวเองไม่ได้ หวาดระแวงคนรอบข้าง แต่ไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ ยืนยันว่าไม่รับคำขอโทษ หรือขอขมาเพราะยังโกรธแค้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พบกับนางพรรณณี หนูสิง ป้าผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนไม่คาดคิดว่าหลานชายของตนจะก่อเหตุขึ้นแบบนี้ ปกติเวลาที่ตนอยู่กับหลานชาย และรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ หลานชายจะเป็นคนดีมาก ๆ ไม่เคยทะเลาะเบาะกับใคร รู้จักขยันทำงาน โดยจะอยู่บ้านเพียงคนเดียว ไม่เคยวุ่นวายกับใคร
ส่วนผู้เป็นแม่ก็จะอยู่บ้านอีก 1 หลัง ซึ่งจะอยู่ติดกับสวนยางหลังบ้าน แต่ถ้าเรื่องออกมาว่าหลานชายของตน เสพยาเสพติด ส่วนตัวไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ตนก็ปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
