จากกรณีเพื่อนของน้องมนต์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนดังย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ ตกแม่น้ำ เจ้าพระยาเสียชีวิต โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความเป็นธรรมหลังผู้ตายถูกครูบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์ และด่าทอเรื่องส่งงานช้าต่อหน้าเพื่อนทั้งที่ไม่สบาย โดยวันเกิดเหตุ 18 ก.พ. 64 ประมาณ 23.00 น. ผู้ตายเดินหายออกจากบ้านไปจนครอบครัวและเพื่อนต้องประกาศตามหา กระทั่ง 19 ก.พ. เวลา 16.30 น. ตำรวจ สภ.พระประแดง รับแจ้งมีผู้พบร่างผู้เสียชีวิตลอยน้ำมาติดที่โขดหินริมเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา
สังคมออนไลน์ มีการโพสต์เฟซบุ๊กทวงคืนความยุติธรรม พร้อมระบุข้อความแนบรูปที่มีการคุยกันถึงสาเหตุที่ผู้ตายคิดสั้นว่า เป็นเพราะครูบูลลี่ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า "นี่คือสิ่งที่โรงเรียนควรทำงั้นหรือ เด็กนักเรียนคนนึงจะเสียชีวิตฟรี ๆ โดยที่โรงเรียนจะไม่รับผิดชอบเลยหรือ นี่คือสิ่งที่ผู้ปกครองได้รับหรือ? ชีวิตเด็กคนนึงที่สูญเสียไปมันแสดงให้เห็นแล้วว่าโรงเรียนไม่ใช่สถานที่ที่เด็กจะมีความสุขเสมอไป พร้อมติดแฮชแท็ก #คุณกลัวเสียหน้าแต่เราเสียเพื่อน
ล่าสุด วันที่ 22 ก.พ. 64 นายสุทิน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนที่รู้จักกับน้องมนต์ที่กระโดดน้ำหลังเสียใจที่ถูกครูบูลลี่ ซึ่งก่อนที่มนต์จะเครียดหนัก มนต์โดนครูผู้หญิงสอนวิชาคณิตศาสตร์พูดว่า "เธอขอบตาดำ เสพยาหรือเปล่า" พูดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ต่อหน้าเพื่อนมากกว่า 10 ครั้ง ทั้งที่ผู้ตายเกิดมามีขอบตาดำเป็นปกติ แต่ครูก็ยังพูดกระตุ้นปมด้อยต่อหน้าเพื่อน จนทำให้อายเพื่อน อีกทั้งครูคนนี้ชอบสั่งงานเยอะมาก ๆ จนเด็กต้องอดหลับอดนอนทำการบ้าน
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ผู้ตายไม่สบายลาหยุดไปหาหมอ กลับมาเรียนโดนครูพูดจี้ต่อหน้าเพื่อนประมาณว่า "ทำไมยังไม่ส่งงาน เหลือเธอคนเดียวแล้วนะ" ซึ่งไม่สนใจว่าผู้เสียชีวิตลาป่วยไปหาหมอ จนวันเกิดเหตุมนต์เดินหายตัวออกจากบ้านไป ไม่บอกใคร ทั้งที่ก่อนจะไปก็คุยกับเพื่อนเรื่องการ์ตูนตามปกติ ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุสลด และช่วงที่ผู้ตายหายไป ทางโรงเรียนก็ไม่โพสต์ตามหา มีแต่เด็ก ๆ โพสต์ตามหากันเอง
ส่วนที่ตนตัดสินใจมาโพสต์เฟซบุ๊ก เพราะอยากเป็นกระบอกเสียง สะท้อนถึงโรงเรียนที่น้องมนต์เสียชีวิต เพราะถูกครูบูลลี่ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุสลดขึ้น และน้องมนต์ก็ไม่ใช่รายแรก แต่ก่อนหน้านี้ก็มีหลายรายที่เสียชีวิตไป มีทั้งกระโดดตึก และผูกคอ เสียกับแทบทุกปี บางคนโดนด่าต่อหน้าเพื่อน โดนบีบจนเด็กต้องลาออกเอง แต่โรงเรียนปิดเรื่องเงียบ ไม่เคยแก้ไขกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เคยตรวจสอบครูต้นเหตุ ปล่อยผ่านจนเกิดเรื่องสลดตามมาบ่อยครั้ง แต่เด็กในโรงเรียนไม่กล้าออกมาพูดมาโพสต์ เพราะกลัวมีผลต่อการเรียน นอกจากนี้ พบว่าน้องน้ำมันเคยโพสต์คลิปการพูดภาษาอังกฤษไว้ด้วยก่อนจะเสียชีวิต
ด้านนายนรภัทร สิงห์นวล รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป ตัวแทนโรงเรียน ชี้แจงว่า เรื่องเด็กกระโดดน้ำเสียชีวิตและมีดราม่าว่ามาจากครูสอนคณิตศาสตร์ของโรงเรียน โรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาสาเหตุของการเสียชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องที่บ้าน และเรื่องส่วนตัว ก่อนจะเรียกประชุมครูที่เกี่ยวข้อง ทั้งครูผู้สอน ครูที่ปรึกษา ทางโรงเรียนให้ความสำคัญในเรื่องนี้
ส่วนแฮชแท็ก #คุณเสียหน้าเราเสียเพื่อน หลายคนบอกว่าเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนทำไมนิ่งไม่โพสต์อะไร ทางเพจไม่ตามหาเด็ก ตนยืนยันว่าเพจเฟซบุ๊กโรงเรียนที่ยังไม่โพสต์ในทันที ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบโพสต์ แต่มุ่งความสำคัญไปตรงสาเหตุ ก่อนจะไตร่ตรองข้อมูลในเรื่องนี้ก่อนที่จะโพสต์แสดงความเสียใจ ทั้งหน้าเพจและเดินทางไปที่วัด พบกับพ่อแม่น้องที่เสียชีวิตเพื่อแสดงความเสียใจ
ส่วนครูคณิตศาสตร์ที่เด็กบางคนบอกว่าเป็นต้นเหตุ ยืนยันว่าทางโรงเรียนฟังความทุกด้าน รวมทั้งถามเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ ซึ่งจากการสอบถามเด็ก ครูคณิตศาสตร์คนดังกล่าวมีการเรียนการสอนที่เน้นการเรียนแบบเข้มข้น เด็กหลายคนเรียนรับได้ แต่บางคนก็อาจไม่ทัน และครูคนดังกล่าววัยใกล้เกษียณ อาจมุ่งมั่นสอนและตามงานเด็กในแบบของครู ซึ่งทางโรงเรียนก็จะนำมาพิจารณาไปปรับเปลี่ยนวิธีการทวงถามหรือการสอนของครูอีกทางหนึ่ง
ส่วนเรื่องการบูลลี่ ครูท่านนี้ไม่ได้ตั้งใจ และตอนนี้ทราบว่ายังบอบช้ำและเสียใจ ตนมองว่าครูอาจเป็นแบบสมัยก่อน คนละยุคสมัยกับเด็กในปัจจุบัน ตอนนี้ต้องปรับเปลี่ยนไปทั้งระบบ รวมทั้งครูคนนี้ด้วย ต้องให้เคสนี้เป็นกรณีตัวอย่าง และไม่รู้ว่าน้องมนต์ที่เสียชีวิต มีจุดเล็ก ๆ หรือเครียดมาจากการเรียนการสอนหรือมาจากอะไร จนกลายเป็นจุดที่ทำให้ระเบิดขึ้นมา กลายเป็นความสูญเสียดังกล่าว
