วันที่ 22 ก.พ. 64 เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.ท.พรประสิทธิ์ มาละมัย สารวัตร(สอบสวน) สน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุ นายวิชาญ มะลิทอง หรือ แดง อายุ 46 ปี เป็นครูมวย มีฉายาในวงการมวย "วิชาญน้อย ศิษย์เจ๊พเยาว์" ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการค่ายมวยใน จ.สุพรรณบุรี ถูกปาดคอเสียชีวิตภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ใกล้ปากซอยหมู่บ้านเสรี-อ่อนนุช 19
สภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงวอร์มสีดำ ไม่ใส่รองเท้า และมีกางเกงในสีดำตกอยู่ใกล้ศพ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลฉกรรจ์ ถูกอาวุธมีคมปาดที่บริเวณลำคอ นอนหงายจมกองเลือดอยู่ใกล้รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ทะเบียน กง 6427 อุทัยธานี โดยมีคราบเลือดแห้งจำนวนมากติดอยู่รอบคัน รวมถึงบริเวณเบาะนั่งด้านหลังภายในรถ แต่ในบริเวณที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่พบอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ
จากการรวบรวมข้อมูล ทราบว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเปิดค่ายมวยที่ย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 ก่อนเกิดเหตุได้บอกญาติ เดินทางมาจาก จ.สุพรรณบุรี เพื่อมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิต นอกจากนี้ผู้ตายยังมีกำหนดการที่จะเข้าอุปสมบทในวันที่ 20 มี.ค. 64
ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ไปสอบถามญาติที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายมีครอบครัวแล้ว มีลูก 1 คน แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ตายไปติดพันกับนางสาวพลอยไพริน อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งฝ่ายหญิงก็มีสามีแล้ว คือนายโอ๊ต อายุ 27 ปี
โดยเมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมา นายโอ๊ตจับได้ว่าภรรยาคุยกับผู้ตาย ทำให้เกิดความโกรธแค้น จนก่อเหตุขับรถชนผู้ตายได้บาดเจ็บ ซึ่งผู้ตายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ประเวศ ถัดมาไม่กี่เดือน ผู้ตายก็ได้ถูกกลุ่มคนร้ายหลอกให้มาพบอ้างจะไปฝึกมวย แต่กลับถูกอุ้มไปทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บก่อนจะปล่อยตัวไป ผู้ตายได้แจ้งความไว้ที่ สน.อุดมสุข ผู้ตายจึงได้พาลูกเมียหนีไปหลบอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี นานประมาณ 2-3 เดือน ก่อนจะเกิดเหตุล่าสุดถูกฆาตกรรมเสียชีวิต
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุคาดว่าผู้ตายมารับนางสาวพลอยไพริน จากบ้านพักบริเวณปากซอยที่เกิดเหตุ และพามาที่รถจุดเกิดเหตุ แต่นายโอ๊ตรู้จึงได้พาพวกขี่รถจักรยานยนต์มาล้อมปิด ลงมือก่อเหตุ และพานางสาวพลอยไพรินหลบหนีไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนว่าผู้ตายมีปัญหาขัดแย้งกับใครอีกหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตั้งปมประเด็นการก่อเหตุไว้ 3 ปม ได้แก่ ชู้สาว ความขัดแย้งส่วนตัว และธุรกิจ
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางมายังที่เกิดเหตุภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ใกล้ปากซอยหมู่บ้านเสรี-อ่อนนุช 19 พบว่าคราบเลือดได้ถูกล้างออกไปแล้ว พบพวงมาลัย ดอกกล้วยไม้ อาหารคาวหวาน ตั้งอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่ครอบครัวมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณในช่วงเช้าที่ผ่านมา
นางมาลี (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในเวลาประมาณ 22.00 น. คืนที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงสุนัขเห่าดังลั่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด จนเวลาล่วงมาเลยเที่ยงคืน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตนจึงได้เดินออกมาดูที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ตายนอนหงายไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงกลับด้าน กลับตะเข็บ รูดซิปลง อีกทั้งยังมีคราบเลือดอยู่รอบคันรถยนต์สีขาว จนกลายเป็นสีแดง
ทั้งนี้ ตนเคยพบเห็นรถยนต์คันดังกล่าวหลายครั้ง เฉลี่ยเดือนละ 2-3 ครั้ง แต่ไม่เคยพบเห็นผู้ตายหรือผู้ขับรถยนต์มาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่รถคันดังกล่าวจะมาจอดในเวลาประมาณ 16.00 น. แล้วจะหายไปในช่วงกลางดึกหรือช่วงเช้าของอีกวันหนึ่ง ขณะนี้ภาพศพและเลือดยังคงติดตาของตนอยู่
ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปยัง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งผู้ตายเคยเปิดยิมอยู่ นางแมวเหมียว (นามสมมติ) คนสนิทของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเคยเปิดยิมที่ ต.บางแก้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ตายตัดสินใจปิดยิม เพราะไม่มีรายได้จ่ายค่าเช่าที่ ขณะนั้น ผู้ตายได้พาภรรยามาเปิดยิมพร้อมกัน กระทั่งภรรยาตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายออกมา ทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูกก็เดินทางไปกลับ จ.สุพรรณบุรี
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.00 น. ตนเปิดอ่านข่าวพบว่าผู้ตายเสียชีวิตด้วยการปาดคอ แม้จะมีการเซ็นเซอร์ใบหน้า แต่ตนก็จำผู้ตายได้เป็นอย่างดี ตนรู้สึกตกใจมาก เพราะสาเหตุการฆาตกรรมพุ่งเป้าไปที่ปมชู้สาว ผู้ตายไม่เคยแสดงพฤติกรรมเจ้าชู้มาก่อน อีกทั้งผู้ตายยังเป็นคนใจดี ขยันทำงาน เป็นคนรักครอบครัว ไม่เคยออกไปสังสรรค์ โดยจะดื่มกินอยู่ที่ยิมอยู่ตลอดเวลา
ตนรู้สึกอนาถใจเมื่อได้เห็นแผลบริเวณคอของผู้ตายและรอยเลือด ส่วนรถยนต์คันในที่เกิดเหตุเป็นรถของแม่ผู้ตายจริง ตนสงสารภรรยาและลูกชายวัย 2-3 ขวบของผู้ตาย เพราะผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว
เมื่อเวลา 15.00 น. ญาติพี่น้องได้นำร่างมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ต.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี โดยจัดพิธีรดน้ำศพ มีเพื่อนบ้านมาร่วมรดน้ำศพ ภาพที่สะเทือนใจผู้ที่มาร่วมงานคือลูกชายผู้ตายวัย 1 ขวบ 3 เดือน ชี้รูปพ่อที่ทำมาตั้งหน้าศพ
นางทวีนุช ตาไล ภรรยานายวิชาญ ผู้เสียชีวิต เดินทางมาถึงงานศพพร้อมจุดธูปไหว้ศพสามี เปิดใจว่า เมื่อคืนฝันว่าฟันหัก 2 ซี่ด้านบน คิดว่าอาจเป็นลางบอกเหตุ ส่วนเรื่องปมชู้สาวยืนยันว่าตนเองไม่รู้เรื่อง เพราะแยกกันอยู่ ตนเองกลับมาอยู่ต่างจังหวัด พาลูกชายกลับมาอยู่ด้วยกับพ่อแม่ที่ จ.สุพรรณบุรี ส่วนสามีทำงานสอนมวยอยู่ที่กรุงเทพฯ และมักจะไปกลับมาหาลูกชาย
ตนอยากฝากบอกคนก่อเหตุให้มอบตัว ทำแบบนี้ไม่น่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ "เหี้ยมมาก มันเลวระยำมาก คนทั้งคนฆ่าได้ยังไง มีอะไรทำไมไม่พูดจากันดี ๆ ทำไมถึงมาฆ่ากันแบบนี้" ส่วนเรื่องปมโดนฆ่าตนเองไม่รู้จริง ๆ เพราะไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของสามี และสามีก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง บางครั้งตนเองก็ถาม แต่สามีไม่อยากตอบ เรื่องสามีโดนฆ่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเปิดโรงยิมสอนมวย แต่ยังไม่ฟันธง 100% รอให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ตนแค้นผู้ก่อเหตุ อยากถามว่าหากครอบครัวโดนทำแบบนี้จะรู้สึกอย่างไร ทำแบบนี้ไม่น่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว สุดท้ายอยากบอกสามีให้ไปสบาย ไม่ต้องห่วง ตนเองจะเลี้ยงและดูแลลูกให้ดีที่สุด
ในเวลา 19.00 น. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 เดินทางมายัง สน.ประเวศ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี จากข้อมูลรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.พลอยไพลิน สาวคนสนิทของผู้ตายมาสอบปากคำแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า นายวิชาญ ผู้ตาย มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ น.ส.พลอยไพลิน มานานกว่า 3 ปี แต่มีการเลิกยุ่งเกี่ยวกันไปเป็นบางช่วง ส่วนความสัมพันธ์จะลึกซึ้งหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ด้าน น.ส.พลอยไพลิน ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยสารภาพต่อชุดสอบสวนว่าเป็นคนก่อเหตุฆ่าปากคอนายวิชาญเพียงผู้เดียว อ้างว่าไม่พอใจที่นายวิชาญจะพยายามปลุกปล้ำ แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การทั้งหมด ส่วนการก่อเหตุในครั้งนี้จะมีการเตรียมตัวมาก่อน หรือผู้ก่อเหตุจะมีมากกว่า 1 คนหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดปมประเด็นใดทิ้ง ทั้งความขัดแย้งส่วนตัวและธุรกิจ แต่จะพุ่งเป้าไปยังปมชู้สาวเป็นหลัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งตามตัวนายโอ๊ตมาสอบถามความจริงต่อไป จากการตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุ พบมีดสั้นที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้กับรถยนต์ อีกทั้งยังพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายตกอยู่ในดงหญ้าข้างทางใกล้ที่เกิดเหตุ
นางสุวรรณา เรืองฮุย อายุ 69 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วลูกชายตนเคยถูกคนร้ายขับรถชนจนสลบ แล้วถอยจะเหยียบซ้ำ แต่มีวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาห้ามเลยรอดตายมาได้ จากนั้นไม่นานก็มีคนร้ายทำทีจะมาให้ผู้ตายไปสอนซ้อมมวย แล้วรุมทำร้าย แต่รอดชีวิตมาได้ กระทั้งครั้งนี้ได้ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมมาก ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนร้ายจิตใจทำด้วยอะไร ทำไมถึงเหี้ยมโหดขนาดนี้
ลูกชายตนเตรียมจะบวชวันที่ 27-28 ก.พ. 64 นี้ มีการเตรียมผ้าไตร จ้างเครื่องไฟ เครื่องแห่ กางเต็นท์ เตรียมจัดงานอุปสมบทให้ลูกชายเต็มที่ คนตายก็มีลูกเล็กอายุ 1 ขวบ 3 เดือน ตนอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้ไว ๆ จะไปดูหน้าคนร้ายด้วยว่าโหดเหี้ยมเพียงใด ลูกชายไปเป็นครูสอนมวย ช่วงโควิด-19 ต้องหยุดกลับมาอยู่บ้าน จึงอยากบวชแทนคุณให้พ่อแม่ จัดเตรียมอย่างดีแต่มาถูกฆ่าตายก่อน ซึ่งในรถก็ยังมีไตรจีวรอยู่ด้วย
นายวิเชียร พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนช็อกมากหลังจากทราบว่าลูกเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ตนทราบว่าลูกชายทำงานเปิดยิมอยู่ที่กรุงเทพฯ ประมาณ 15 วันก่อน ลูกชายอยากจะบวชจึงมาปรึกษากับน้องสาว และกำหนดวันบวชแล้ว โดยล่าสุดที่เจอลูกชาย ขอเงินตนไป 500 บาท ลูกชายบอกว่า "พ่อ ไปก่อนนะ" ซึ่งทุกครั้งที่ลูกชายเดินทางออกจากบ้านจะกราบเท้าตนเสมอ แต่ครั้งล่าสุดไม่ได้กราบ
ล่าสุด "ปุ๊กกี้" ภรรยาของผู้ตาย ได้โพสข้อความพร้อมรูปรถยนต์เปื้อนคราบเลือด ในช่วงเช้าหลังรู้ข่าวเกี่ยวกับสามี ระบุว่า "เหตุเกิดที่ซอยอ่อนนุช 70/1 ใครรู้เบาะแสคนร้ายแจ้งได้นะคะ วอนผู้ใจดีช่วยติดตามให้เบาะแส" อีกทั้งยังได้มีการโพสต์เป็นข้อความสั้น ๆ ว่า "มันไม่จริงใช่ไหม" พร้อมอีโมจิร้องไห้ ซึ่งเป็นที่น่าสลดเนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อน ภรรยาผู้ตายยังได้โพสต์รูปลูกชายอย่างมีความสุข
ล่าสุด เวลา 20.00 น. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับ นางสาวพลอยไพลิน คุณานุกรกุล อายุ 32 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
