ส่วนกรณีเพจ “อย่าหาทำ Pro Max” โพสต์เรื่องราว ระบุว่า “มีคนไปดูรถที่โตโยต้า อย่าให้กูรู้ว่าอีหนไหนให้อีหน้าไหนเอาเงินไปฟอก แล้วทำที่เป็นทะลาะไม่เผาผีกัน แต่เอาเงินไปฟอก กูจะถลกหนังหัวให้เรียงตัว”
ทีมข่าวได้ตรวจสอบคนในหมู่บ้าน ซึ่งทราบว่ามี นายอนามัย-นางสาวิตรี พ่อแม่น้องชมพู่ เดินทางไปที่ศูนย์โตโยต้าสกลนคร สาขาสนามบิน เมื่อวันที่ 20 ก.พ.64 ที่ผ่านมาจริง
นางสาวิตรี หรือ แม่น้องชมพู่ ให้เป็นข้อมูลว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าว ตนเดินทางลงไปที่ตัวเมืองสกลนคร เพื่อไปเลือกซื้อกล่องมาบรรจุสินค้าให้กับลูกค้าออนไลน์ จากนั้นมีเวลาว่างจึงได้แวะไปเช็กราคารถกระบะ และให้พนักงานขายรถประเมินราคาคร่าว ๆ จะต้องผ่อนกี่บาท เพื่อจะได้วางแผนเก็บเงินซื้อรถ เนื่องจากที่ผ่านมาเวลาไปส่งสินค้า จะต้องลงไปที่อำเภอเต่างอย ซึ่งห่างจากหมู่บ้านกว่า 20 กิโลเมตร และส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งรถน้าแตไปส่ง แต่บางครั้งตนก็รู้สึกเกรงใจ จึงได้อยากหารถเอาไว้สำหรับส่งสินค้าให้มีความสะดวกมากขึ้นเท่านั้น
โดยไม่คิดว่าในวันนั้น จะมีพนักงานแอบถ่ายคลิปแล้วนำไปลงโซเชียล “ติ๊กตอก” จนทำให้มีคนนำไปตีความในรูปแบบอื่น และยังมีคอมเมนต์เชิงลบ กล่าวหาว่าตนฟอกเงินจากเงินบริจาค ดังนั้นตนขอยืนยันว่า ไม่เคยได้รับเงินบริจาคหรือเปิดบัญชี ทุกวันนี้ทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต และมีรายได้จากการขายของออนไลน์ และไม่ลำบากคนอื่น
แม้ว่าคลิปดังกล่าวจากพนักงานขายรถจะมีการลบคลิปออกไปแล้ว แต่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีทำให้เกิดความเสียหาย มีคนมองตนในทางที่ไม่ดี ทำให้ตนรู้สึกเครียดมากยิ่งขึ้น ทางด้านของศูนย์โตโยต้า ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือติดต่อมาเพื่อจะพูดคุย ดังนั้นตนก็อยากให้ทางศูนย์โตโยต้าแสดงความรับผิดชอบและความจิงใจ ว่าจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร เพราะถูกสังคมมองไม่ดี ส่วนเรื่องของการฟ้องหรือดำเนินคดีนั้น ตนขอดูขั้นตอนหลังจากนี้ก่อน เพราะไม่อยากมีเรื่องรบกวนใจ อยากใช้ชีวิตและทำมาหากินปกติ แต่หากศูนย์โตโยต้าไม่มีการแสดงความรับผิดชอบหรือเข้ามาพูดคุย ก็พร้อมที่จะเดินหน้าเอาผิดตามกฎหมาย
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้ตรวจสอบไปยังโตโยต้าศูนย์สกลนคร สาขาสนามบิน ซึ่งได้รับคำชี้แจงเบื้องต้นจากผู้จัดการสาขา ว่า ทางศูนย์โตโยต้าได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว และตรวจสอบพบว่าพนักงานสาวกระทำผิดจริง จึงได้ดำเนินการตามระเบียบของบริษัท ให้มีการพักงานชั่วคราว 3 วัน ส่วนเรื่องของการกระทำผิดพบว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท เนื่องจากพนักงานสาวโพสต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ได้ลบคลิปแล้ว แต่คลิปก็ยังถูกเผยแพร่ เพราะมีคนเซฟแล้วนำไปเผยแพร่ต่อ
ดังนั้นก็เป็นเรื่องของบุคคล 2 ฝ่าย แต่ในฐานะสาขาจะเป็นตัวกลางในการพูดคุย และตกลงกันให้กับลูกค้า พร้อมทั้งฝากแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ และการกระทำของพนักงานที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนี้พร้อมที่จะเข้าพูดคุยกับทางด้านแม่ของน้องชมพู่ เพื่อหาทางออกร่วมกัน
ส่วนพนักงานสาว ได้มีการส่งแชตข้อความมาหาแม่น้องชมพู่ ระบุว่า “สวัสดีค่ะ หนูขอกราบขอโทษคุณแม่เป็นอย่างสูง ที่หนูรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ ที่ถ่ายรูปคุณแม่ลงใน TikTok หนูไม่มีเจตนาเรื่องอื่นเลย หนูตื่นเต้นที่ได้เจอคุณแม่ ก็เลยยังไม่ทันคิดก่อนทำ หนูรู้เท่าไม่ถึงการจริง ๆ หนูรู้สึกผิดและเสียใจเป็นอย่างมาก เบื้องต้นบริษัทได้มีบทลงโทษให้พักงานแล้วค่ะ หนูกราบขอโทษคุณแม่สาวิตรี เป็นอย่างสูงค่ะ”
ในระหว่างที่ทีมข่าวนั่งพูดคุยและสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่อง การซื้อรถกระบะของแม่น้องชมพู่ ระหว่างนั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่ง อ้างว่าเดินทางมาจากจ.เลย บอกว่าเป็นคนที่มีองค์ในตัว แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นร่างทรง เพราะสังเกตว่าไม่ได้ใส่ชุดขาวห่มขาว เดินทางมาบอกว่าฝันถึงน้องชมพู่ โดยทีมข่าวสังเกตว่าระหว่างการพูด แม่น้องชมพู่ต้องเดินลุกหนี เพราะไม่อยากคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้ ทำให้บั่นทอนจิตใจ
ส่วนกรณีชาวบ้านอ.ดงหลวง หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.64 โดยชาวบ้านที่ออกหาของป่า ไปเจอรถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินจอดทิ้งเอาไว้บริเวณต้นไม้ข้างทาง แต่ไม่เจอเจ้าของรถจนกระทั่งล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูมรับแจ้งเหตุ มีคนผูกคอตายอยู่ด้านบนเขา ห่างจากจุดที่เจอรถมอเตอร์ไซต์ประมาณ 900 เมตร
เวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูม เดินทางขึ้นเขาไปตรวจสอบ ชายปริศนาผูกคอตายบนเขา ในพื้นที่หมู่บ้านกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นำศพคนตายลงมาจากเขา ส่วนทรัพย์สินที่อยู่กับคนตายตรวจสอบพบ แว่นตา รองเท้า 1 คู่ กระเป๋าเงิน ขวดน้ำดื่ม ซึ่งสภาพศพค่อนข้างแห้งและเปลี่ยนสภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำศพส่งตรวจยืนยันบุคคลที่ รพ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์
ด้านน้องสาวของคนตาย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจการตาย เพราะพี่ชายหายไปร่วมนับเดือนแล้ว ซึ่งก่อนที่จะหายไปเจ้าตัวป่วยเป็นโรคประจำตัว เป็นโรคเบาหวาน ต้องทานยาตลอด และเพิ่งออกจากงานประจำ ประกอบกับมีความเครียด และเข้าขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จึงทำให้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พบกับ นางทัศวรรณ เชื้อคนแข็ง ชาวบ้านกกตูม ซึ่งเป็นคนเจอรถมอเตอร์ไซค์ของคนตาย เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว ตนเดินมาแถวนี้เพื่อหาไข่มดแดง ระหว่างที่เดินผ่านบริเวณต้นไม้ เจอรถมอเตอร์ไซค์สภาพใหม่จอดทิ้งเอาไว้ ตนเข้าใจว่าเป็นของชาวบ้านที่มาจอดหาของป่า แต่ก็สงสัยทำไมถึงจอดซ่อนเอาไว้แบบนี้
จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ จนพบว่ามีคนหมู่บ้านอื่นหายไป จึงได้ออกค้นหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจได้ค้นหาประมาณ 2-3 วัน ก่อนที่จะยุติการค้นหา สุดท้ายเพิ่งจะทราบว่าชายที่เจ้าหน้าที่ตามหาไปผูกคอตายอยู่ด้านบนเขา ห่างจากจุดจอดรถประมาณ 900 เมตร และเส้นทางที่ขึ้นไปก็ไม่ง่ายและไม่ยาก เพราะมีเส้นทางที่สามารถเดินขึ้นไปได้ ส่วนเรื่องของสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจคิดสั้น ตนไม่ได้คุยกับญาติของคนตาย เนื่องจากไม่ใช่คนในหมู่บ้าน เป็นคนหมู่บ้านอื่น
