หม่อมลูกปลาปล่อยโฮ ชินชีวิตถูกบูลลี่ ไม่โกรธถูกด่าทุเรศ ยูทูเบอร์ขอโทษไม่คิดซ้ำเติม (คลิป)

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างหนัก หลังช่องยูทูเบอร์ชื่อดัง ช่อง DOM ปล่อยคลิปความยาวประมาณ 8 นาทีชื่อว่า “อ้วน vs ผอม ไปขอกอดผู้ชาย” ในวันที่ 19 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ซึ่งคอนเทนต์นี้ทำขึ้นเพื่อโปรโมตอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่ง สำหรับดูแลรูปร่างและผิวพรรณ โดยมีลักษณะคลิปก็จะมีเนื้อหาในลักษณะกล่าวอ้างว่าเป็นการทดสอบคนในสังคม

โดยใช้ตัวแทนผู้หญิง 2 คน ที่มีรูปร่างและอายุแตกต่างกัน คนหนึ่งอ้วน อีกคนหนึ่งผอม แต่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ แล้วเดินเข้าไปขอกอดผู้ชายทั้งหมด 7 คนที่เดินผ่านไปมาย่านสยาม เพื่อสังเกตปฏิกิริยา ซึ่งตัวแทนผู้หญิงคนแรกคือ “น้องปิ๊ง จิดาภา” ดาราสาววัยรุ่น มีการแต่งหน้า ทำผมสวยสดใส สูงยาวเข่าดี เคยมีผลงานในละครพื้นบ้านมาบ้างแล้ว โดยทางยูทูเบอร์บอกว่าจะให้ “น้องปิ๊ง” รับบทเป็นคนผอม แน่นอนว่าเมื่อเธอเข้าไปขอกอดผู้ชายตามที่คอนเทนท์วางไว้ ก็พบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หรือ 6 ใน 7 คนได้รับการยินยอมให้กอดแต่โดยดี

ในขณะที่ตัวแทนผู้หญิงรายคือ "หม่อมลูกปลา-โชติกา ขวัญฐิติ” อดีตภรรยา “ม.จ.ฐิติพันธุ์ ยุคล” หรือ ท่านชายกบ ซึ่งยูทูเบอร์รายนี้บอกว่าเธอจะมารับบทเป็นคนอ้วน เนื่องจากมีรูปร่างที่ตรงข้ามจากนักแสดงอีกคน แถมอายุยังเยอะกว่าด้วย บวกกับไม่ได้มีการแต่งหน้าทำผมให้เธอดูสดใสเหมือนคนแรก จึงทำให้ถูกผู้ชายที่เธอไปขอกอดปฎิเสธเกือบทั้งหมด ซ้ำยังถูกผู้ชายบางคนต่อว่าด้วยอารมณ์รุนแรง และถ้อยคำที่ไมสุภาพ "ทุเรศมากป้า" 

ล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เข้าไปพูดคุยกับยูทูบเบอร์รายดังเกล่า คือ “คุณดำ-ทรงศักดิ์ ปัญญาธรักษ์” อายุ 21 ปี กล่าวว่า ตนทำยูทูเบอร์มาประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคอมเมนต์ดราม่าบ้าง แต่ก็ยังไม่หนักถึงครั้งนี้

โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์จริง ไม่ได้เป็นการเซ็ตตัวละคร โดนด่าก็โดนด่าจริง แต่เจตนารมณ์หลักของการทำคลิปนี้ออกมา คือ ต้องการสะท้อนสังคมในแง่ของการไม่ควรตัดสินคนอื่นแค่รูปลักษณ์ภายนอก ด้วยการนำผู้หญิง 2 คนที่มีลักษณะแตกต่างกันมาเปรียบเทียบ ซึ่งเดิมทีแล้วคนที่เลือก “หม่อมลูกปลา” มาร่วมถ่ายคลิปนี้คือลูกค้าที่ปรากฏอยู่ในตอนต้น แล้วนำมาให้ตนคิดคอนเทนต์หาผู้หญิงอีกคนและดำเนินการถ่ายทำ หมายความว่าที่ “คุณดำ” พูดว่าคลิปนี้ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่ได้มาขายของนั้นก็ยอมรับว่าไม่เป็นความจริง เป็นการพูดเล่นเฉย ๆ

เพราะจริง ๆ แล้วทางผลิตภัณฑ์ต้องการใช้ “หม่อมลูกปลา” เป็นพรีเซนเตอร์ พัฒนาบุคลิกภาพและชีวิต รวมถึงช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษาของลูก “หม่อมลูกปลา” ซึ่งคลิปนี้ถือว่าเป็นคลิปเปิดตัวโปรเจกต์ และจะมีภาคต่ออีกในระยะยาว ส่วนที่คนบอกว่าทำไมไม่ให้ “หม่อมลูกปลา” แต่งหน้า ซึ่งแตกต่างจาก “น้องปิ๊ง” ที่สวยเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า ในส่วนนี้เพราะ “น้องปิ๊ง” แต่งมาจากบ้าน แต่ “หม่อมลูกปลา” ไม่ได้แต่งมา แล้วพอถึงหน้าเซ็ตทีมงานก็ให้เปลี่ยนชุดและเริ่มถ่ายทำทันที ภาพจึงออกมาเป็นเช่นนี้

ทั้งนี้ตนอยากชี้แจงว่า ตนมีโอกาสได้คุยกับ “หม่อมลูกปลา” ก่อนถ่ายทำรายการแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับ เข้าใจได้ เนื่องจากเคยทำงานในวงการบันเทิงมาบ้าง และในช่วงที่ “หม่อมลูกปลา” โดนปฏิเสธด้วยคำพูดที่รุนแรงนั้น ตนและทีมงานก็ได้เข้าไปปลอบ ซึ่งเขาก็มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ได้ติดใจอะไร เช่นเดียวกับ “น้องปิ๊ง” ที่โดนชายคนหนึ่งกอดและไม่ปล่อย แถมยังขอกอดซ้ำอีกนั้น จึงอยากให้คนดูตัดสินเองมากกว่า ทุกคนเข้าใจว่าคือการทดสอบสังคมอย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่า ลึก ๆ ตอนที่ทำคลิปก็มีบ้างที่คิดว่าจะต้องดราม่า ส่วนตัวก็ขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการยอมรับว่าจงใจใช้ผู้หญิง 2 คนมาให้เกิดการเปรียบเทียบจริง ทั้ง ๆ ที่จะใช้แค่ “หม่อมลูกปลา” คนเดียวตามที่ลูกค้าเสนอมาก็ได้ ตนอยากให้สังคมหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย ถกเถียงกันอย่างจริงจัง

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นางโชติกา ขวัญฐิติ หรือ หม่อมลูกปลา อายุ 49 ปี เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นการรับงานถ่ายทำคลิปว่า ตนอยากมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ตอนนี้อยู่กัน 3 คน สามี เเละลูกสาววัย 8 ขวบ ส่วนเรื่องดราม่าตนก็ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าการทำงานต้องมีทั้งบวกเเละลบ เรื่องเเค่นี้ถือว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคดีท่านกบ

นอกจากนี้ตอนนี้ชีวิตตนมีความลำบากมาก ต้องเช่าห้องอยู่ ค่าเช่ารวมค่าน้ำค่าไฟ ประมาณ 5,500 บาท ส่วนในเรื่องรายได้ สามีทำอาชีพขับรถทัวร์ มีรายได้ประมาณ 10,000 บาท ส่วนตนรับจ้างทั่วไป ได้วันละ 300-500 บาท

ทั้งนี้ตนยังมีหนี้สินอยู่ 3 เเสนบาท เป็นหนี้ที่พอกพูนมาจากการสู้คดีท่านชายกบ ดังนั้นเมื่อมีผู้ใหญ่เสนองานมา ตนก็รับไว้ เพราะคิดเพียงว่า "เราจะมีเงินไปเลี้ยงลูก" ซึ่งเป็นงานที่ทำเเล้วสบายใจ เเละภูมิใจที่ได้เงินจากการทำงาน ไม่ใช่การไปขอใครฟรี ๆ

หม่อมลูกปลา ยังเผยทั้งน้ำตาว่า "ตอนที่ท่านกบสิ้น ต้องเดินร้องไห้หิ้วกระเป๋าใบเดียวออกจากบ้าน ไม่มีที่อยู่ ตอนนี้ถึงจะลำบาก เเต่ก็ต้องสู้เพื่อลูก ชีวิตที่ผ่านมาคิดเสียว่าเป็นเวรกรรม"

ขณะที่สาวปิ๊ง-จิดาภา วัชรสินาพร ก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษผ่านโลกโซเชียลฯ โดยระบุว่า “ต้องขอโทษจริง ๆ เลยนะคะ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หม่อมลูกปลาถูกมองไม่ดี ไม่ได้คิดจะดูถูกอะไรเลยค่ะ แต่คอนเซปต์ที่ทางรายการบรีฟมาคือการช่วยเปลี่ยนหม่อมลูกปลา ให้เป็นคนดูดี"

ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปพูดคุยกับสาวปิ๊ง กล่าวว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดการเปรียบเทียบ ตนต้องขอโทษทุกคนด้วย เพราะตนได้รับบรีฟมาว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหนึ่งต้องการนำหม่อมลูกปลามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะเห็นว่าช่วงนี้ชีวิตของหม่อมค่อนข้างจะลำบาก ไม่มีงาน ไม่มีเงิน แถมต้องดูแลลูกด้วย จึงมีการถ่ายคลิปตัวดังกล่าวปล่อยออกมาก่อน เป็นช่วงก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ จากนั้นอีก 3 เดือน จะปล่อยคลิปอีกตัวซึ่งจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของหม่อมลูกปลา

สำหรับคอนเทนต์ที่ให้คนอ้วนและผอมไปขอกอดคนอื่น หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการบูลลี่ แต่ส่วนตัวนั้นรู้ดีว่า เบื้องหลังคือการรีวิวสินค้า ตนเลยไม่ได้คิดว่าจะเป็นดราม่าหนักขนาดนี้ จึงตัดสินใจรับงาน อีกทั้งตอนสุดท้ายในคลิปตนก็ยังมีพูดตบท้ายว่า เราไม่ควรตัดสินคนแค่ภายนอก หลังถ่ายเสร็จทุกคนเฮฮา เนื่องจากรับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว โดยหลังเกิดดราม่าก็ได้คุยกัน หม่อมลูกปลาก็คิดว่าจะแก้ไขอย่างไร พร้อมให้กำลังใจตนกลับมาด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับดราม่าดังกล่าว ทำให้วันนี้ตนถูกยกเลิกงานไป 2 งานแล้ว ทั้งที่ตนอธิบายเรื่องราวไปหมดแล้ว อีกทั้งยังโดนชาวเน็ตโจมตีหนักมาก ตนจึงอยากจะขอวอนให้เข้าใจตนด้วย ตนไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย หากเป็นงานที่บูลลี่คนอื่นจริง ๆ ตนไม่มีทางรับงานอยู่แล้ว เพราะตนทำงานด้านวิชาการ ภาพลักษณ์ตนอาจจะเสียหายได้