กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานเครือข่ายช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีรุกป่า โดยเกี่ยวข้องกับลุงพล และคนอื่น ๆ ที่มีความใกล้ชิดสนิท ที่จ.มุกดาหาร
ล่าสุดวันที่ 19 ก.พ.64 นายอัจฉริยะ ยังได้เดินทางไปในหมู่บ้านกกกอก เพื่อเข้าพูดคุยกับแม่น้องชมพู่ ซึ่งเป็นแผนงานสุดท้ายของการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก่อนที่จะเดินทางกลับในช่วงค่ำ
โดยนายอัจฉริยะ ได้เข้าไปพูดคุยกับแม่น้องชมพู่ภายในบ้าน ซึ่งอนุญาตให้สื่อมวลชนเกาะติดและอยู่ด้วยในขณะพูดคุยกัน โดยช่วงหนึ่งนายอัจฉริยะ ได้พูดคุยกับแม่น้องชมพู่ ทำนองว่าคดีนี้น่าสงสัยหลายจุดหลายประเด็น แต่ก็เชื่อว่าต้องมีคนทำให้เสียชีวิต แล้วเคลื่อนย้ายร่างไปอำพรางไว้บนเขา เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวน้องชมพู่ เช่น ไฟดูด หรือการตายผิดปกติอื่น ซึ่งทั้งหมดก็พิสูจน์ออกมาชัดเจนแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่า ต้องมีคนทำให้ตายด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งตนเข้ามาช่วยดูเรื่องนี้ ก็อยากให้ครอบครัวน้องชมพู่ได้รับความเป็นธรรม
จากนั้น นายอัจฉริยะ ได้สอบถามแม่น้องชมพู่ เกี่ยวกับดวงชะตาและวันเดือนปีเกิดของน้องชมพู่ ซึ่งแม่น้องชมพู่ให้ข้อมูลว่า เกิดวันอังคารที่ 7 มี.ค.60 ผ่าคลอดเวลา 17.56 น. เกิดที่ รพ.สกลนคร ตายวันที่ 14 พ.ค.63
หลังจากที่มีการนั่งพูดคุยและอนุญาตให้สื่อมวลชนเฝ้าติดตามการพูดคุยระหว่างนายอัจฉริยะกับแม่น้องชมพู่ จากนั้นได้ปิดประตูเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอัจฉริยะ ได้พูดคุยกับพ่อแม่น้องชมพู่ ซึ่งเป็นการสอบถามในประเด็นดวงชะตา เพื่อจะทราบว่าดวงชะตาของน้องชมพู่ เกี่ยวกับการผูกโยงเรื่องไสยศาสตร์ เพราะตอนนี้เรื่องของพยานบุคคลมีความคืบหน้าและชัดเจนแล้ว แต่ที่อย่างล่าช้าเป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เกิดความรัดกุมมากที่สุด
หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. นายอัจฉริยะได้เดินทางไปพร้อมกับน.ส.จูน เพื่อไปเจอกับพระอธิการบุญมา เจ้าอาวาสวัดภูผาแอก เพื่อกราบนมัสการลาก่อนเดินทางกลับ
การเดินทางมาที่วัดภูผาแอก ต้องการที่จะขึ้นไปยังด้านบน ซึ่งเป็นจุดที่ลุงพล เคยขึ้นมาประกอบพิธีสาบานร่วมกับคนในครอบครัว และจุดธูปกลับหัว แต่ในระหว่างที่เดินทางขึ้นไปนั้น นายอัจฉริยะ เดินทางไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง เนื่องจากปวดเข่าและมีอายุมาก จึงเดินขึ้นไม่ไหว จึงหยุดพักแค่ครึ่งทาง และให้ทีมงานที่เดินทางมาด้วย ขึ้นไปเก็บภาพสถานที่จริง เพื่อลงมาใช้ในการประกอบการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์
ทีมงานของนายอัจฉริยะ ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับกระถางธูปที่ปักหัว ซึ่งพบว่าพระอธิการบุญมา ได้เปลี่ยนกระถางธูป นำใบเดิมไปเก็บเอาไว้ด้านหลังรูปปั้นของหลวงปู่ลิ้น และได้นำกระถางธูปใบใหม่มาตั้งไว้แทน เพราะมีกลุ่มชาวบ้านต้องการให้เปลี่ยน ไม่อยากให้ใช้กระถางธูปใบเดิม เนื่องจากเป็นการทำสิ่งที่ไม่เหมาะ และกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี จึงขอให้มีการเปลี่ยนกระถางธูปใหม่
จากนั้น นายอัจฉริยะ ได้ถือธูปจำนวน 5 ดอก มาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดภูผาแอก ซึ่งมีการจุดธูปและปักลงบริเวณบันไดทางขึ้นวัดด้านบน เพราะเนื่องจากขึ้นไปไม่ถึง พร้อมอธิฐานว่า ขอให้คดีมีความคืบหน้า และจับคนร้ายได้โดยเร็ว และเมื่อช่วงเวลา 15.20 น. นายอัจฉริยะ พร้อมทีมงาน และน.ส.จูน ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านกกกอก เดินทางกลับกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจการลงพื้นที่ครั้งนี้
