เมื่อวันที่ 18 ก.พ.64 ร.ต.ท.พิสันต์ แก้วขุนทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.มักกะสัน รับแจ้งอุบัติเหตุรถพุ่งชนร้านขายข้าวแกงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ริมถนนกำแพงเพชร 7 แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพศูนย์นเรนทร และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
โดยที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงแรมเมอร์เคียว พบร้านขายข้าวแกงแบบเพิงตั้งโต๊ะยาวไปตามไหล่ถนน ถูกรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน 1 ขง 5601 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนเข้าไปในร้านจนพังยับเยิน โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนนระนาด จานชามแก้วน้ำกระเด็นกระจัดกระจาย
ทั้งนี้ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย อาการหนักสุด ทราบชื่อ นายไพฑูรย์ ชาญศิริ อายุ 53 ปี บาดเจ็บศีรษะแตกนอนหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งปั๊มหัวใจช่วยเหลือแต่เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน มีบาดแผลตามร่างกาย นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จึงช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.คามิลเลี่ยน
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ร้านข้าวแกงดังกล่าว พบกับนายวุฒิพงศ์ มาทา อายุ 53 ปี เจ้าของร้านข้าวแกงริมทาง เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ทางด้านประกันของทางผู้ก่อเหตุได้ติดต่อเข้ามาแล้ว ตรวจสอบร้านเบื้องต้นว่ามีความเสียหายดังนี้
โดยประเมินค่าความเสียหายไว้ทั้งหมด ประมาณ 40,000 - 50,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน
2.ถ้วย ชาม
3.ตู้กระจกใหญ่สำหรับกันฝุ่นแมลง ใช้วางอาหาร
4.รถเข็น 1 คัน
5.รถซาเล้ง
6.ร่มกาง 6 คัน
7.เก้าอี้ 10 ตัว
แต่ทั้งนี้จะมีการนัดเข้าไปพูดคุยกับประกันอีกครั้ง ในวันที่ 22 ก.พ.64 ถึงรายละเอียดสิ่งของที่เสียหาย และประเมินค่าเสียหายทั้งหมด เพราะปกติแล้วร้านของตนขายได้สูงสุดวันละประมาณ 8,000 บาท และในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ขายได้ประมาณ 6,500 บาท/วัน
อย่างไรก็ตาม หากต้องปิดร้านนาน จะทำให้ขาดรายได้ค่อนข้างเยอะ โดยขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเปิดร้านขายได้ เหมือนเริ่มนับ 1 ใหม่ เพราะข้าวของเสียหายเกือบทั้งหมด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถเก๋งวีออส ซึ่งมี นายรัฐศาสตร์ บุระคำ อายุ 24 ปี เป็นคนขับ เกิดเสียหลักชนรถจอดกินข้าวริมถนน ก่อนพุ่งเข้าไปในร้านมีผู้บาดเจ็บเละเสียชีวิตดังกล่าว นายรัฐศาสตร์ ให้การว่า เป็นผู้ช่วยผู้ตรวจบัญชีบริษัทแห่งหนึ่งย่านสาทร ก่อนเกิดเหตุขับรถออกมาจากบริษัทเพื่อทำธุระใกล้ที่เกิดเหตุ โดยขับผ่านแยกมิตรสัมพันธ์มาตามถนนกำแพงเพชร 7
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้า เลยตกใจควบคุมรถไม่อยู่ ทำให้เสียหลักพุ่งชนร้านขายข้าวแกงดังกล่าว ยืนยันว่าไม่มีเจตนาหรือขับรถมาเร็ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหาย ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายวรัตถ์ แซ่ตั้ง อายุ 30 ปี ผู้บาดเจ็บพนักงานแกร็บฟู้ด เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ตนนั่งทานข้าวอยู่ตรงกลางระหว่าง ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต โดยตนนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง กำลังนำข้าวมารับประทานที่โต๊ะ โดยทางขวามือของตนจะเป็น นายอเนชา ไชยาโส (ผู้บาดเจ็บ) หันหน้าออกไปยังถนน และทางด้านซ้ายมือจะเป็น นายไพฑูรย์ ชาญศิริ (ผู้เสียชีวิต) รับประทานอาหารเสร็จแล้ว และนั่งเล่นโทรศัพท์ หันหน้าออกนอกถนน
โดยขณะที่เกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงดังโครม จนทราบอีกครั้งคาดว่าน่าจะโดนล้อของรถยนต์ ฟาดเข้าที่ลำตัว แล้วกระเด็น ทำให้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณคิ้วขวาแตก และช่วงชายโครงขวามือช้ำเลือด มีอาการเจ็บปวดอยู่ แต่สามารถเดินได้
เมื่อได้ถามว่าทางด้านคู่กรณีเข้ามาเยี่ยมหรือพูดคุยแล้วหรือยัง นายวรัตถ์ บอกว่า มีคู่กรณีเข้ามาพูดคุยแล้ว และได้บอกว่าประกันจะดูแลเรื่องความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยตนนั้นไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด ขณะนี้ขอเพียงได้รถมอเตอร์ไซค์กลับมา เนื่องจากรถพังยับเยิน อีกทั้งเป็นรถที่ใช้ในการทำงานวิ่งส่งอาหารแกร็บฟู้ด
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางเข้ามาพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บ นายอเนชา ไชยาโส อายุ 37 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในระหว่างที่รับประทานข้าวเสร็จแล้วนั้น ได้เดินออกมากดน้ำดื่ม และลุกเดินมาเพื่อที่จะจ่ายเงินค่าข้าว
ขณะเดียวกันเห็นรถเก๋งคันสีขาว มาด้วยความเร็วคาดว่าเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตนไม่สามารถหลบได้อย่างแน่นอน และชนเข้ากับรถเข็นของร้านข้าวแกงและตู้กระจก และรถลอยเข้ามากระแทกตน และสลบไปประมาณ 2-3 วินาที จนรู้สึกตัวอีกที โดยพยายามที่จะลุกขึ้น แต่เนื่องจากไม่สามารถกระดิกเท้าหรือพยายามลุกขึ้นได้
หลังจากนั้นถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาล แพทย์ผ่าตัดและตรวจร่างกาย โดยได้รับบาดเจ็บ จากบริเวณ เหนือคิ้ว ซ้ายและขวา เนื่องจากโดนเศษกระจกจากตู้กระจกบาด และหน้าแข้งขวากระดูกหัก 2 ท่อน ได้ทำการผ่าตัดและดามเหล็กเป็นที่เรียบร้อย ส่วนขาข้างซ้ายใช้งานได้ปกติ ทางด้านแพทย์วินิจฉัยว่าใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ และจะต้องมีการกายภาพบำบัดต่อไป ส่วนทางด้านคู่กรณียังไม่มีการติดต่อเข้าแต่อย่างใด ขณะนี้กำลังรอการติดต่อจากคู่กรณี
เมื่อถามว่าอยากพูดอะไรกับคู่กรณีหรือไม่นั้น นายอเนชา ระบุว่า ตนไม่อยากพูดอะไร ให้คู่กรณีมีความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสิ่งที่เขาทำ เนื่องจากตนจะต้องเสียโอกาสทางด้านอาชีพการทำงาน รายได้ที่ได้รับ ที่จะต้องทำการพักงานเพื่อรักษาตัว ทำให้สูญเสียรายได้
ขณะเดียวกันทางทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พบกับนายรัฐศาสตร์ และครอบครัว ที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล เมื่อได้สอบถามกับทางครอบครัว ระบุว่า ไม่สะดวกให้ข้อมูล แต่ได้ประสานให้ประกันดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต อีกทั้งยังได้มอบเงินเบื้องต้นเป็นค่าทำศพผู้เสียชีวิต จำนวน 20,000 บาท
นอกจากนี้ครอบครัว ยังอ้างว่ารถไม่สามารถเหยียบเบรกได้ เนื่องจากขณะนั้นมีขวดน้ำเปล่าที่ได้ฟรีจากการเติมน้ำมันรถ กลิ้งอยู่ในใต้เบรกของรถ และไม่สามารถหยุดรถได้ จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
