ไขปริศนาลวงหนุ่มฆ่าในสวนยาง เพื่อนเชื่อปมรักสาวมีเจ้าของ ผัวเก่าตามทวงถึงบ้าน (คลิป)

16 ก.พ. 64

จากกรณีเมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 15 ก.พ. 64 ร.ต.อ.สุกรี พรหมมาศ รองสว.(สอบสวน) สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพคนถูกฆ่าตายในสวนผลไม้ หมู่ 10 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช

632692

ที่เกิดเหตุ พบศพผู้ตายนอนหงายพองอืดอยู่ในสวน ทราบชื่อคือ นายดำรงค์เดช (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี มีร่องรอยถูกทุบตีด้วยของแข็งเข้าศีรษะจนยุบ เลือดนองพื้น พบร่องรอยถูกรัดคอด้วยเชือก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน

605223

สอบสวนทราบว่า นายดำรงค์เดช ผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว มีอาชีพทำสวน ส่วนคนร้ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 คน เดินทางมาหาผู้ตายที่บ้าน เพื่อพูดคุยตกลงปัญหาบางอย่าง ก่อนจะตามมาทำร้าย โดยใช้ของแข็งทุบตีและใช้เชือกรัดคอจนเสียชีวิต หลังจากนั้น คนร้ายได้พากันหลบหนีไป กระทั่ง 2 วันผ่านไป เพื่อนอยู่บ้านใกล้นายดำรงค์เดชไม่เจอหน้าตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 ก.พ. 64 จึงพากันไปตามหาที่บ้านแต่ไม่เห็น บ้านปิดรถจอดอยู่ จึงไปบอกญาติให้ตามหา กระทั่งมาพบเป็นศพถูกฆ่าตายแล้ว

cg

ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ได้ตั้งประเด็นการตายไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องปมชู้สาว กับเรื่องส่วนตัว แต่ตำรวจให้น้ำหนักในเรื่องชู้สาวมากว่า โดยจะเชิญตัวหญิงสาวคนดังกล่าวกับสามีมาให้ปากคำต่อไป

534132

ล่าสุด วันที่ 16 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุสวนผลไม้ หมู่ 10 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช นายอารยัน พรหมแก้ว อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เล่าว่า ที่เกิดเหตุ ไม่มีร่องรอยอะไรไว้เลย มีเพียงเชือกที่อยู่ข้างศพ ซึ่งคล้ายเป็นการต่อสู้ยื้อแย่งกันไป จนเชือกขาดเป็น 2 ท่อน คิดว่าเป็นเชือกที่คนร้ายใช้รัดคอผู้ตาย และยังมีกุญแจรถจักรยานยนต์ผู้ตายตกอยู่

314108

ตนสันนิษฐานเองว่าคนร้ายอาจมาซุ่มอยู่ เมื่อผู้ตายขี่รถกลับมาจอดยังไม่ได้เปิดประตูบ้าน ได้เจอเข้ากับคนร้ายที่อาจจะตามมา หรือดักซุ่มอยู่ พุ่งเข้ามาทำร้าย ยื้อแย่งเชือกที่คนร้ายจะมารัดคอผู้ตาย จนเกิดการวิ่งไล่กันเข้าไปในสวนผลไม้หลังบ้านผู้ตาย และไม่สามารถหนีรอดได้ ถูกคนร้ายฆ่าตายเสียชีวิต ซึ่งตอนที่ทำร้ายกันไม่มีใครได้ยินเสียง เพราะบ้านผู้ตายอยู่หลังเดียวในสวนห่างจากบ้านชาวบ้านที่ใกล้ที่สุด 80-100 เมตร แต่จุดเกิดเหตุห่างกันกับบ้านเพื่อนบ้านเกือบ 200 เมต

ส่วนปมที่คนร้ายมาฆ่าผู้ตายถึงในบ้าน คาดการไว้ว่าเป็นปมชู้สาว และมีการเรียกภรรยาผู้ตายที่จดทะเบียนด้วยกัน รวมทั้งแฟนเก่าของหญิงรายนี้มาสอบปากคำด้วย เนื่องจากฝ่ายหญิงทิ้งสามีเก่ามาจดทะเบียนกับผู้ตาย เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 64 ส่วนฝ่ายแฟนเก่าของฝ่ายหญิงได้โทรมาหาคล้ายทวงผู้หญิงคืน ฝ่ายคนตายได้อนุญาตให้ฝ่ายหญิงกลับไปหาคนรักเก่าได้ ตั้งแต่ 3 ก.พ. 64 โดยมีเพื่อนผู้ตายขี่รถไปส่งที่หน้าอำเภอ และจากนั้นไม่รู้ไปไหนต่อ และไม่มีใครเคยเห็นหน้าฝ่ายชายเลย

206776

ด้านนายจตุรงค์ โอมประพันธ์ อายุ 38 ปี เพื่อนคนตาย เล่าว่า ตนเองเจอผู้ตายเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. ตอนบ่าย ก่อนที่ผู้ตายจะหายไปตอน 20.00 น. ของวันที่ 12 ก.พ. โดยน้องสาวของตนกำลังทำกับข้าว ก่อนจะได้ยินเสียงผู้ชายมาเรียกชื่อผู้ตาย 2 ครั้ง จากหน้าถนนห่างตัวบ้าน 30 เมตร เหมือนต้องการให้ผู้ตายลงมา และได้ยินผู้ตายตะโกนขานรับจากห้องนอนชั้น 2 ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหน้าถนน และขี่เข้ามาบ้าน และได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกันก่อนจะหายตัวปริศนา

ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 14 ก.พ. พวกตนและน้องยังไม่ทราบเรื่อง คิดว่าผู้ตายแค่เก็บตัวอยู่บ้าน จึงพากับไปเรียกให้ผู้ตายมากินข้าวด้วยกัน โดยขี่ไปดูรอบบ้านผู้ตายพบไฟเปิด แต่ตัวไม่อยู่คิดว่าเก็บตัวในบ้านไม่อยากพบใคร บ้านก็ปิดล็อก จนดึกของวันที่ 14 ก.พ. ไฟก็ติด แต่คนไม่เห็น จึงไปบอกญาติกระทั่งมาเจอศพตอนสายวันที่ 15 ก.พ.

508022

ส่วนปมที่คาดว่าก็มาจากปมชู้สาว เพราะปลายเดือนมกราคม 64 ผู้ตายมาปรึกษา บอกตนว่า จำใจจะต้องเลิกกับแฟนสาว ที่ชื่อว่า น.ส.บี ที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสอยู่กันกัน หลังรู้จักผ่านเฟซบุ๊กแค่ไม่กี่วัน ช่วงปลายธันวาคม 2563 และก่อนจะไปรับที่บ้านฝ่ายหญิง พากันไปจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 12 ม.ค. 2564 ตนยังเคยสงสัยว่าทำไมรีบจดทะเบียนกัน แต่เพื่อนบอกกับตนว่ารักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ ทั้งนี้ ตนเคยเห็น น.ส.บี 2-3 ครั้ง เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด 

ตนยืนยันว่า ผู้ตายไม่รู้ว่า น.ส.บี มีสามีแล้ว เพิ่งจะมารู้ทีหลัง เหมือนผู้ตายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งนายโด่ง สามีเก่า และ น.ส.บี ยังไม่เลิกกัน เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้บอกข้อมูลจริงทั้งหมด อาจจะมาอยู่กินกับผู้ตายทั้งที่ยังไม่เลิกกับสามีก็ได้ หลังจากที่รู้ความจริง นายโด่งสามีเก่ายังเคยมาเรียก น.ส.บี ที่หน้าบ้านผู้ตาย ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงได้รู้ตอนนั้น

นอกจากนี้ ผู้ตายตัดสินใจเลิกกับฝ่ายหญิงก็ดูซึมเศร้าลงไปจากเดิม เพราะเมื่อก่อนผู้ตายจะมาคุยเล่นด้วยแบบร่าเริง แต่ระยะหลังดูออกได้ชัดเจนว่ามีเรื่องเครียด

902956

ตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้ตาย มีโพสต์ตัดพ้อเมื่อ 3 วันก่อน โพสต์เป็นภาษาถิ่นทางภาคใต้ว่า "ทีว่าเป็นบังไบ้นะเมียเพื่อนหรือเมียใครนะก็อยู่เฉยๆตะเพราะผมก็ไม่เคยว่าใครทีนิขอบคุณครับ" แปลเป็นภาษากลางประมาณว่า "ใครที่พูดว่าเป็นเมียคนอื่น หรือเมียใคร ไม่ต้องพูด ให้อยู่เฉย ๆ เพราะผมก็ไม่เคยว่าใคร ขอบคุณครับ "

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส