กรณีนายประเสริฐ อาดำ อายุ 62 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ได้ใช้อาวุธมีดขู่จี้คอตัวเอง เพื่อร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่าได้กู้ยืมเงินนอกระบบ จากนายทุนจำนวน 400,000 บาท แต่ถูกนายทุนฟ้องต่อร้องศาลบังคับให้ชำระหนี้ เป็นเงินประมาณกว่า 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64
ล่าสุดวันที่ 15 ก.พ.64 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับนายประเสริฐที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจาก วันที่ 9 ก.พ.64 เวลา 15.00 น. ได้ติดตามตัวนายประเสริฐ และนำตัวพบพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว เพื่อสอบสวนปากคำและดำเนินคดีกับนายอุดม นายทุนผู้ให้กู้ยืมเงิน
โดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กฎหมาย และไปยื่นคำร้องขอหมายค้นบ้านพักนายอุดม ต่อศาลจังหวัดปทุมธานี ในวันที่ 1 ก.พ.64 เวลา 18.00 น. ได้มีการสนธิกำลัง ประกอบด้วย กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1, ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบตำรวจภูธรภาค 1, กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และสืบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว นำหมายค้นศาลข้าตรวจคันบ้านของนายอุดม ที่บ้านเลขที่ 37/3 หมู่ 6 ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
พบโฉนดที่ดินและสำเนาโฉนดที่ดิน จำนวน 23 แผ่น สัญญาเงินกู้พร้อมหนังสือมอบอำนาจ จำนวน 16 เล่ม สมุดจดบันทึกเงินกู้จำนวน 1 เล่ม บัญชีเงินกู้จำนวน 1 เล่ม และเอกสารอีกหลายรายการพร้อมด้วย คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพร้อม CPU จำนวน 1 ชุด โน้ตบุ๊กและอาวุธปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวนายอุดม และของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว ดำเนินคดี
จากนั้นนายกฤตศิลปะ ช่วยศรี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานและคณะอนุกรรมการ มาร่วมประชุมปรึกษาหารือแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว พร้อมเชิญตัว นายประสริฐ และนายอุดม เข้าร่วมไกลเกลี่ยประนอมหนี้ สรุปว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความผ่อนผันให้แก่กัน
โดยนายอุดม มีความประสงค์ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการไกลกลี่ยและประนอมข้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553 จากเดิม 2,348,475 บาท ยินยอมลดยอดหนี้ให้เหลือเพียง 300,000 บาท ให้โอกาสชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 2 ปี และนายอุดม ได้ถอนฟ้องต่อศาลในคดีที่ฟ้องนายประเสริฐไว้ พร้อมกับคืนโฉนดที่ดินกว่า 6 ไร่ ที่ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้
สำหรับในส่วนของคดีอาญา ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอุดม ว่า "ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
โดยไม่ได้รับอนุญาต และปล่อยกู้โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด" ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
นอกจากนี้ ยังได้เรียกลูกหนี้ของนายอุดม ที่ปรากฏหลักฐนการกู้ยืมที่ตรวจยึดได้มาสอบสวนปากคำไว้
แล้วรวม 10 ปาก โดยจากการตรวจสอบเอกสารบัญชีรายชื่อลูกหนี้เงินกู้ที่ตรวจยึดไว้ ยังมีลูกหนี้ที่จะต้อง
ติดตามตัวมาสอบสวนอีก 57 คน รวมมูลหนี้ที่นายอุดมให้กู้ยืมไปไม่ต่ำกว่า 22 ล้านบาท ซึ่งหากการ
สอบสวนปรากฏพยานหลักฐานมีการกระทำความผิดตามกฎหมาย ก็จะดำเนินคดีกับนายอุดม เพิ่มเติม
ต่อไป
ขณะที่นายประเสริฐ ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบกระเช้าผลิตภัณฑ์ของจังหวัดปทุมธานี เพื่อแทนคำขอบคุณให้กับ นายกรัฐมนตรี โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และรองผบ.ตร. ร่วมรับมอบ
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า วันนั้นตนหมดหนทาง ตนรู้สึกไร้กำลังที่จะต่อสู้หาเงินเพื่อนำที่ดินกลับคืนมา ซึ่งเป็นที่ดินผืนเดียวในชีวิตที่มีอยู่ ประกอบเจ้าหนี้ก็มีการฟ้องศาล มีหมายศาลมาที่บ้าน ซึ่งเมื่อเห็นยอดเงินกว่า 2 ล้านบาท ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะหาเงินมาใช้หนี้ได้เลย จึงนึกถึงนายกรัฐมนตรี ว่าจะต้องช่วยตนเองได้
วันดังกล่าวจึงเดินทางมา แม้การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม แต่เป็นหนทางเดียวและทำเพื่อครอบครัว ซึ่งไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ ตนจึงขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าตำรวจทุกนายที่ทำให้ตนเองมีวันนี้
