จากกรณี เมื่อเวลา 18.30 น. ของวันที่ 13 ก.พ. 64 ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในท่อ เส้นทางหลังมัสยิดบ้านบางชีเหล้า หมู่ที่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่เกิดเหตุ พบศพอยู่ในท่อระบายน้ำ เส้นผ่านศูนย์กลางรอบนอก 80 ซม. รอบใน 60 ซม. ลักษณะศพหันหัวออกห่างจากปากท่อ 50 ซม. ลำตัวอยู่ภายใน สภาพศพเริ่มจะเน่าเปื่อย ใบหน้ามีหนอน คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน
ทราบชื่อผู้ตายคือ นายธีรพงศ์ แก้วมูลมุก หรือ บอย อายุ 35 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต หายออกจากบ้านเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 หลังจากได้ฉลองดื่มเหล้ากับเพื่อนอีก 2 คน จากนั้นได้หายตัวไปอย่างปริศนา
ล่าสุด วันที่ 14 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุหลังมัสยิดบ้านบางชีเหล้า พร้อมนายพิชัย แก้วมูลมุก อายุ 55 ปี พ่อของนายธีรพงศ์ ญาติ ๆ และนายวิรัช ผู้ใหญ่บ้าน พาทีมข่าวเดินดูจุดเกิดเหตุ จุดที่พบศพในท่อระบายน้ำห่างจากรถจักรยานยนต์ สีแดงของผู้ตายที่จอดล้มอยู่ 15 เมตร ศพห่างจากจุดเจอหมวกกันน็อก 5 เมตร
ส่วนจุดเจอหมวกอยู่บนท่อระบายน้ำที่ศพอยู่ สภาพพื้นที่โดยรอบเป็นป่าขึ้นรก จุดที่เจอรถและเจอศพมีร่องรอยหญ้าล้มลงคล้ายถูกเหยียบย้ำ มีถนนเข้าออกทางเดียวที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้เข้าออกหากุ้งหอยปูปลา
นายพิชัย พ่อผู้ตาย เล่าว่า วันที่ 11 ก.พ. ตอนเที่ยง ตนไปทำงาน ลูกชายไม่ได้บอกอะไร แต่มารู้อีกที คือลูกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนช่วงตรุษจีน ปกติแล้วเวลาลูกออกไปจะออกไปไม่นาน จึงไม่เอะใจ กระทั่งเที่ยงคืนเข้าวันที่ 12 ก.พ. แล้ว ลูกก็ยังไม่กลับมา รอจนเช้าก็ยังไม่มา ตนก็ไปทำงานกระทั่งเที่ยง มีเพื่อนลูกชื่อนายไก่ ที่ไปกินเหล้าด้วยกันมาบอกว่าลูกชายตนหายยังไม่กลับมา ตนก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน นายไก่บอกว่าเห็นรถลูกตนล้มอยู่ จึงมาตามตน จากนั้นไปตามหาทั้งผู้ใหญ่ ญาติและคนในหมู่บ้านก็ไม่เจอ เจอแต่รถ หมวก ประกอบกับฝนตกจึงเลิกตามหา
จากนั้น เช้าวันที่ 13 ก.พ. ก็หากันต่อ จนมาเจอศพตอนเย็น ตนไม่รู้ว่ามีแผลจากการทำร้ายไหม แต่สังเกตว่าการตายดูแปลก รถอยู่อีกทาง รองเท้าก็อยู่ หมวกก็อยู่แต่คนไม่เจอ เจอก็เจอศพอยู่อีกทาง และอยู่ในท่อ หัวหันออก ก็มองแล้วคล้ายผิดธรรมชาติ จะว่า เป็นอุบัติเหตุก็ไม่น่าใช่ แต่ลูกมีรอยแผลที่ศีรษะขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องให้ตำรวจเป็นคนคลี่คลายคดี ขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย และไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ลูกจะหายไป วันที่ 9 ก.พ. ลูกมาพูดแปลก ๆ บอกตนว่า "สร้อยประคำที่ฝากไว้ ให้ดูแลให้ดี ๆ นะ" ซึ่งตนกับภรรยาก็เอะใจว่าทำไมลูกพูดแบบนี้ ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องร้ายกับลูกชายคนเดียว ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ส่วนทางคดี ตำรวจสืบสวนเมือง และสืบจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับแพทย์และ พฐ. เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุและสรุปรายละเอียด เบื้องต้น ไม่พบอาวุธในสถานที่เกิดเหตุ และร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย บริเวณสถานที่เกิดเหตุมีร่องรอยคล้ายคนเดินแหวกพงหญ้า สันนิษฐานว่าจะเป็นร่องรอยจากการติดตามค้นหาตัวผู้ตายจากเพื่อน ๆ และญาติก่อนจะพบศพ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เรียกเพื่อนที่ดื่มเหล้าด้วยกันที่เกิดเหตุ คือนายเป็ด (นามสมมติ) และนายไก่ (นามสมมติ) โดยทั้ง 2 คนให้การขัดกันถึงช่วงเวลานายเป็ดให้การว่าเป็นเวลาประมาณ 00.30 - 01.00 น. ของวันที่ 12 ก.พ.64 ส่วนนายไก่ให้การว่าเป็นเวลาประมาณ 22.00 น.
นายนิรันดร์ อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านที่สนิทกับผู้ตาย บอกว่า วันที่ 12 ก.พ. ตนกลับมาบ้านเจอพ่อแม่ผู้ตายนั่งรออยู่หน้าบ้าน ที่ห่างจุดเกิดเหตุ 1.5 กิโลเมตร จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทราบว่านายบอยยังไม่กลับมาบ้าน ไม่รู้ว่าไปไหน ตามเพื่อนก็ไม่เจอ ไม่รู้ไปอยู่ไหน จึงพากันออกตามหาจุดแรกที่เกิดเหตุ เพราะมีคนบอกว่าเจอครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่เจอ เจอแต่รถตะแคงอยู่กับพื้นและรองเท้า คิดว่าผู้ตายเมารถล้มที่ไหนอยู่หรือไม่ หาตามป่าด้านบนก็ไม่มี
จากนั้น วนมาอีกรอบตอนค่ำก็เจอหมวกกันน็อกลอยในคูน้ำและหมวกอีกใบ แต่ไม่เจอคน ทรัพย์สินมีค่าอื่นไม่มีหายไป ส่วนสภาพหญ้าที่พบมีแค่รอยราบเรียบแปลก ๆ แต่ไม่มีคราบเลือด จึงงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมอยู่คนละทาง เพราะตอนมาเจอศพพบว่าคนละฝั่งกับรถ จึงคิดว่าโดนไล่ทำร้ายแล้ววิ่งหนีหรือไม่ ซึ่งต้องให้ตำรวจคลี่คลายให้ได้ ถ้าหากถูกทำร้ายก็ต้องตามตัวคนทำมารับผิด แต่ถ้าเพื่อนตนตายเอง ก็ต้องหาหลักฐานทางพิสูจน์ความข้องใจของทุกคน เพราะเพื่อนตนคนนี้เป็นคนดีมาก
นายไก่ (นามสมมติ) เพื่อนร่วมวงเหล้าของผู้ตาย เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 22.30 น. ตนกำลังจะไปเก็บปูที่ดักไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำ ซึ่งจะต้องผ่านจุดเกิดเหตุ เห็นนายบอยกับนายเป็ดกินเหล้ากันอยู่ก่อนแล้ว ตนจึงแวะไปร่วมกินด้วยที่สามแยกที่เกิดเหตุ ตอนนั้นทั้งผู้ตายและนายเป็ดยังไม่เมา ทราบว่าทั้งคู่เพิ่งกลับมาจากทำสวน เห็นผู้ตายยืนถือเหล้าอยู่ตนจึงแซวว่า "น้องบอยเปิดให้พี่กินหน่อยสิ" ตอนนั้นผู้ตายก็เปิดให้กินกัน คนละ 1 ฝา กินกันอยู่ครู่หนึ่งจนใกล้เที่ยงคืน จากนั้นนายเป็ดจึงชวนไปกินที่บ้าน เพราะที่เกิดเหตุที่กินกันอยู่เดิมมืดและยุงเยอะ กลับแกล้มก็ไม่มี จึงพากันไปเพราะบ้านนายเป็ดมีกับแกล้ม ตนก็มีปูที่ดักมาจะไปทำกินกัน
จากนั้นนายเป็ดขี่รถจักรยานยนต์นำไปก่อนห่างกัน 3-4 เมตร ตนก็ขี่ตาม จังหวะนั้นเห็นในกระจกว่าผู้ตายคร่อมรถเตรียมขี่ตามมาแล้ว ต่างคนต่างขี่ไป พอไปถึงบ้านนายเป็ดเที่ยงคืนนิด ๆ พบว่าผู้ตายไม่ตามมาจึงแยกย้ายกลับบ้าน ตนไม่ได้ย้อนมาที่เกิดเหตุ คิดว่าผู้ตายอาจเดินกลับบ้านที่ห่างออกไป 1.5 กิโลเมตรก็ได้ จึงเข้าบ้านนอนตามปกติ มารู้ตัวอีกทีว่าผู้ตายหายไปก็ตอนบ่าย 2 ของอีกวันแล้ว เพราะเพื่อนข้างบ้านและพ่อผู้ตายมาบอกว่าหาผู้ตายไม่เจอจึ งพากันออกตามหากันแทบทั้งหมู่บ้าน ทั้งนี้ ที่ตนถูกตำรวจเรียกไปสอบตนไม่ได้เครียด เพราะตนไม่ได้ทำ ตนบริสุทธิ์ใจ หากตำรวจจะเรียกไปอีกตนก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง
