วันที่ 14 ก.พ. 64 เวลา 06.30 น. ที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายอนามัย วงศ์ศรีชา และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่ของน้องชมพู่, ยายสมควร หลาบโพธิ์ ได้ออกมาใส่บาตรที่บริเวณหน้าบ้านของตาชาญ ในวาระครบรอบ 9 เดือน การพบศพของน้องชมพู่
ซึ่งวันนี้ครอบครัวของน้องชมพู่ได้เตรียมอาหารที่น้องชมพู่ชื่นชอบประกอบด้วย ขนมเค้ก นมเปรี้ยว และน้ำแดง มาใส่บาตรพระจำนวน 4 รูป ซึ่งวันนี้ทั้งพ่อแม่และยายมีสีหน้ายิ้มแย้ม ไร้ความกังวล ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องหมายจับในวันที่ 15 ก.พ. 64
ต่อมาเวลา 10.30 น. พ่อแม่น้องชมพู่ได้เดินทางไปยังเจดีย์เก็บอัฐิของน้องชมพู่ ที่วัดป่าภูผาแอก โดยได้นำช่อดอกเบญจมาศสีขาวไปวางไว้อาลัยที่เจดีย์ รวมถึงได้นำอาหารเซ่นไหว้ ขนม นมเปรี้ยว และแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นของโปรดของน้องชมพู่ไปตั้งให้ดวงวิญญาณของน้องชมพู่ด้วย ขณะที่มีการวางอาหาร ทั้งพ่อและแม่ก็ได้เรียกน้องชมพู่เป็นภาษาภูไท ให้มารับเอาอาหารที่แม่นำมาให้
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า วันนี้ตนตั้งใจเลือกดอกไม้สีขาวมาวางไว้อาลัยหน้าเจดีย์เก็บอัฐิ เพราะน้องชมพู่เป็นเด็กบริสุทธิ์ วันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่ตนไม่ได้ให้ความสำคัญว่าเป็นวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก เพราะครอบครัวของรักกันทุกวันอยู่แล้ว
แต่วันนี้คือวันที่ 14 ที่มีความสำคัญกับตนและครอบครัวมากกว่านั้น คือเป็นวันที่ครอบครัวได้รับรู้ถึงการจากไปของน้องชมพู่ เพราะในช่วงที่น้องชมพู่หายตัวไปในวันที่ 11-13 พ.ค. 63 นั้น ครอบครัวของตนก็ยังมีความเชื่อว่าน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งในวันที่ 14 พ.ค. 63 ที่ทราบข่าวการพบศพ และน้องชมพู่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ซึ่งคดีผ่านไปกว่า 9 เดือน แต่ตนและครอบครัวก็ยังมีความหวังทุกวัน และเชื่อว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และตำรวจก็คงหวังอย่างที่ตนหวังว่าซักวันหนึ่งจะสามารถจับคนร้ายได้และไม่ว่านานแค่ไหนตนก็จะรอ ความหวังเท่าเดิมทุกวันไม่เคยมีความริบหรี่
นางสาวิตรี กล่าวต่อว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่าจะมีการออกหมายจับภายในวันที่ 15 ก.พ. นี้ แต่ตนก็คิดว่ามันเป็นแค่กระแสข่าวลือ และข่าวลือไม่ได้มีความสำคัญกับตน ตนไม่ได้มีความตื่นเต้น เพราะตนมองเพียงการทำงานของตำรวจ ถ้าหากจะมีการจับคนร้ายจริง ตำรวจที่ทำคดีก็ต้องบอกอะไรตนบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณใด ๆ
ด้านนายอนามัย ผู้เป็นพ่อ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้น้องชมพู่ไปสบาย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้วิญญาณของน้องชมพู่กลับมาเกิดเป็นลูกของตนอีกครั้ง และตนยังคงหวังว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ เปิดเผยข้อมูลว่าหมายจับถูกเลื่อนไปเป็นเดือนเมษายน 2564 แม่ของน้องชมพู่ บอกว่าจะเป็นกระแสอะไรก็ช่าง ตนยังคงรอการทำงานของตำรวจต่อไป
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า จากเดิมที่เคยให้สัมภาษณ์ให้จับตา หมายจับผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่จะออกภายในวันที่ 15 ก.พ. 64 แต่เนื่องจากมีคนไปทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตนพูดไม่ได้ ทำให้การขอหมายจับของพนักงานสอบสวนในคดี ต้องเลื่อนไปออกประมาณเดือนเมษายน 64 ยอมรับว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้องเลื่อน เพราะข้อสอบรั่วประกอบกับพยานหลักฐานบางอย่าง แม้จะสมบูรณ์แล้วแต่ชุดทำงานยังไม่เป็นที่พอใจ เพราะยังมีช่องโหว่อยู่ และคนร้ายจะใช้เป็นข้อต่อสู้ในคดีได้
หากมีการขอศาลออกหมายจับไปคดีขึ้นสู้ชั้นศาลแล้วศาลยกฟ้อง ก็จะกลายเป็นว่าตำรวจจับแพะ ดังนั้น จึงต้องหาลงพื้นที่หาความเชื่อมโยงใหม่ แต่ยังย้ำว่าผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตนเองจะลงพื้นที่ไปบ้านกกกอกในสัปดาห์หน้าร่วมกับชุดทำงานด้วย
นางรพีพรรณ แก้วสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านขัวสูง ในฐานะฝ่ายปกครองที่ออกค้นหาน้องชมพู่ ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ค.63 เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวจากเฟซบุ๊กของแม่น้องชมพู่ ในวันที่ 11 พ.ค. ช่วงประมาณ 12.00 น. ตนเองได้ประสานไปยังผู้ใหญ่นิ่ม ผู้ใหญ่บ้านกกกอก จนกระทั่งทราบว่าเป็นเรื่องจริง จึงได้ประชาสัมพันธ์ช่วงเย็นให้ชาวบ้านช่วยกันหาแบาะแส เช้าวันรุ่งขึ้นตนได้พาชาวบ้านประมาณ 20-25 คน ไปช่วยชาวบ้านกกกอก-กกตูมตามหา
ตนเองในฐานะฝ่ายปกครอง ได้ไปนั่งประชุม และติดตามการค้นหาน้องชมพู่ ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่บ้านอีกหลายคนในตำบลกกตูม ใช้สถานที่ลานเต็นท์บ้านน้องชมพู่ วางแผนการค้นหาประจำวัน วันหนึ่งตนเองได้แวะเข้าเวรที่จุดคัดกรองโควิด บริเวณแยกเตางอย เจอกับชายปริศนาคือนายแอ๋ม ที่อ้างว่าหลงทางมา ติดรถกับผู้หญิงคนหนึ่งมาลงที่จุดคัดกรองเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน ตอนนั้นตนเองก็ได้นำข้อมูลชายปริศนาไปรายงานในที่ประชุมของฝ่ายปกครอง จำได้ว่าเป็นวันที่ 13-14 พ.ค. ก่อนพบศพ โดยมีการรายงานให้กลุ่มผู้นำชุมชนรับทราบ และสังเกตว่าในวงประชุมมีเพียงตาชาญ น้าเสริม ในฐานะผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และน้าต่าย แต่ไม่มีพ่อกับแม่น้องชมพู่ และลุงพลกับป้าแต๋น
ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าลุงพลรู้ได้อย่างไรว่ามีชายปริศนาหายไปหรือมีชายปริศนาเข้ามาในหมู่บ้าน หลังบอกว่าให้ตั้งด่านจับตัวคนร้าย ทั้งที่ในวงประชุมไม่มีลุงพล แต่ในอีกมุมก็คิดว่าตาชาญหรือคนในครอบครัวอาจจะเล่าสู่กันฟัง
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าคดีนี้ต้องมีคนร้าย น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปเองได้ เพราะจุดที่พบศพเป็นพื้นที่ที่ขึ้นไปลำบาก และส่วนตัวอยากจะให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว อยากให้น้องชมพู่ได้รับความเป็นธรรม
สำหรับนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยกับอมรินทร์ทีวี เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 63 ว่า คนในครอบครัวตนได้ไปประชุมกับผู้ใหญ่บ้าน ตนจึงทราบเรื่องว่ามีคนเข้ามาในหมู่บ้าน เป็นชายปริศนาต้องสงสัย จึงอยากให้มีการปิดหมู่บ้านตามตัว ซึ่งไม่ได้หมายถึงนายแอ๋ม แต่เป็น ส. พร้อมยืนยันว่าไม่ได้โยนความผิดให้ใคร เป็นเพียงความสงสัยเท่านั้น