เมื่อวันที่ 13 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บ้านประดู่ หมู่ 9 ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ หลังชาวบ้านได้รับความเดือนร้อน อ้างว่าไม่มีไฟฟ้าใช้มานานกว่า 53 ปีแล้ว โดยไม่มีหน่วยงานใดของรัฐบาลมาช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่วิ่งเต้นเรื่องนี้มาโดยตลอด
นางสำเรียง เยาว์ลักษณ์ อายุ 53 ปี ชาว ต.ปราสาท กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยเห็นแสงไฟฟ้าในหมู่บ้าน แต่พอทนได้เพราะชินแล้ว แต่ตอนนี้ลูกเรียนอยู่ชั้น ม.4 เรียนออนไลน์ ต้องไปใช้บ้านเพื่อนต่างหมู่บ้านเป็นพื้นที่ห้องเรียน แต่ก็ยากลำบาก เพราะเกรงใจเขา และต้องขับรถเข้าตัวอำเภอ ห่างจากบ้าน ประมาณ 10 กม. เพื่อเข้าร้านอินเทอร์เน็ต ทำรายงานส่งครู
ขณะนี้ส่งสารทั้งลูก และหลาน สงสารทั้งตัวเอง ได้ยินเขาคุยกันเรื่องละคร ตนก็ไม่รู้เรื่องกับเขา เพราะไม่เคยได้ดูทีวี อยากเห็นโทรทัศน์ อยากเห็นละครกับเขาบ้าง เคยวิ่งเต้นเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ได้รับคำตอบเพียงว่า ต้องใช้งบประมาณสูง
นางสำเรียง กล่าวด้วยว่า ตนอยากจะให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล และช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวบ้านบ้าง เพราะพวกตนเป็นคนไทยเหมือนกัน ให้ชาวบ้านได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกันกับคนทั่วไป เพราะไฟฟ้าเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบในช่วงเวลากลางคืน พบว่าชาวบ้านใช้ชีวิตด้วยความลำบาก บ้านหลังไหนมีรถไถนา ต้องเอามาใช้ปั่นไฟผ่านหม้อแปลง เพื่อใช้ชาร์จโทรศัพท์มือถือ และชาร์จแบตเตอรี่ไฟฉาย
เช่นเดียวกับ ด.ญ.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 เล่าว่า บ้านตนห่างจากร้านอินเทอร์เน็ต 10 กม. ตั้งแต่เกิดมาตนยังไม่เคยเห็นแสงไฟฟ้าตอนกลางคืนในหมู่บ้านของตัวเอง เวลาครูให้ทำการบ้าน ตนก็ต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนตะวันตกดิน เพราะหลังจากนั้นจะไม่มีแสงสว่าง
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ที่ผ่านมาเพื่อนในห้องเรียนมักจะล้อเลียน เรื่องชุดนักเรียนยับทุกวัน เมื่อตอบไปว่าที่บ้านไม่มีเตารีด ไม่มีไฟฟ้า เพื่อนในห้องเรียนก็จะพากันหัวเราะ จึงอยากจะให้ผู้ใหญ่ใจดีนำไฟฟ้ามาถึงหมู่บ้านของตน เพราะเวลาร้อนก็อยากใช้พัดลม และอยากดูทีวีเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
นายธวัชชัย ไยรัมย์ อายุ 57 ปี กล่าวว่า ตนอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง เร่งนำไฟฟ้าเข้ามาในหมู่บ้าน เพราะอยากดูละคร อยากจะทำอะไรที่สะดวกสบายเหมือนคนอื่นบ้าง เพราะตนก็มีสิทธิ์มีเสียง แต่ทำไมไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ไฟ้ฟ้าเหมือนคนไทยทั่วไป
อย่างไรก็ตาม บ้านประดู่ ม.9 ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ มีจำนวน 7 ครัวเรือน ประชากร 30 คน และมี 2 หลังที่ใช้เครื่องปั่นไฟ ค่าน้ำมันปั่นไฟ 300 บาท/สัปดาห์ โดยจะหยุดปั่นไฟตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป และมี 5 หลังที่ใช้โซลาร์เซลล์คุณภาพต่ำ
