เมื่อวันที่ 12 ก.พ.64 เวลา 01.00 น. ร.ต.ท.พิสัย ทองมี รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้มีผู้เสียชีวิต ภายในบ้านหลังหนึ่ง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. รุดตรวจสอบ พร้อมประสานรถน้ำจากสถานีดับเพลิงจอมทอง จำนวน 3 คัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
โดยที่เกิดเหตุลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง พบแสงเพลิงและกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งจากบริเวณชั้นลอย ก่อนที่จะลุกลามลงมาที่ชั้นล่าง เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 15 น. เพลิงจึงสงบลง
จากการตรวจสอบบริเวณชั้นล่าง พบศพนางรุ่งนภา (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งป่วยติดเตียงนอนเสียชีวิต เพราะสำลักควันและถูกไฟคลอกตามร่างกาย จึงนำศพส่งให้สถาบันนิติเวชฯ เพื่อผ่าชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ภายในซอย 4 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. พบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้นครึ่ง โดยอาคารจะติดเรียงกัน 6 ห้อง รวมกับอาคารของผู้ตาย ซึ่งอาคารของผู้ตายจะตั้งอยู่อาคารแรก นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาดูแล แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในบริเวณตัวบ้านได้ เนื่องจากลูกชายเจ้าของบ้านไม่สะดวกที่จะเปิดบ้าน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณหน่อย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ขณะที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 23.30 น. ตนและแฟนหนุ่มได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในชั้น 3 ของอาคาร ต่อมาแฟนหนุ่มของตนได้กลิ่นควัน จึงปลุกตนตื่น และได้สอบถามตนว่าทำไมมีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจำนวนมาก ไฟไหม้หรือไม่ พอตนได้ยินจึงได้ตกใจ ลุกขึ้นจากที่นอน ไปกระชากกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ และกระปุกออมสินรูปปั้นสุนัขที่มีขนาดกลางมาด้วย ซึ่งเป็นกระปุกออมเงินเพื่อลูก โดยมีเงินจำนวนไม่มาก
จากนั้นตนและแฟนหนุ่ม ได้เปิดประตูห้องออกมา พบว่าพื้นร้อนมาก ไม่สามารถวิ่งลงบันไดไปได้ พร้อมกับมีควันลอยขึ้นมา ทำให้หายใจติดขัด จึงตัดสินใจวิ่งขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ยอมรับว่าขณะนั้นตกใจมาก ตัวสั่น โทรศัพท์ไปหาเพื่อนบ้านที่อาคารติดกัน แต่ไม่มีใครรับสาย ตนเป็นห่วงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ ได้สันนิษฐานเบื้องต้นว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่จุดยากันยุง แล้วผ้าห่มหรือวัตถุเกี่ยวกับผ้าไปโดน จึงทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้
นางหน่อย ยังเผยอีกว่า ปกติแล้วตนพักอาศัยอยู่อาคารดังกล่าวมานานกว่าประมาณ 6-7 ปีแล้ว อยู่แบบครอบครัว ซึ่งอาม่าเป็นคนที่น่ารักมาก โดยภายในอาคารพาณิชย์ดังกล่าว จะอาศัย 8 คน จำนวน 4 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวของอาม่าผู้เสียชีวิตเจ้าของบ้าน ประกอบด้วย อาม่า จะพักชั้นล่างสุด ลูกชายอาม่าและครอบครัว ประกอบด้วย ภรรยา และลูกชายวัย 5 ขวบ จะอาศัยถัดจากชั้นลอย, คุณป้าศรี (นามสมมติ) อาศัยเพียงลำพัง อยู่ชั้นลอย, คุณลุงตัน (นามสมมติ) อาศัยเพียงลำพัง อยู่ชั้นสุดท้าย และตน 2 สามีภรรยา อยู่ชั้นสุดท้าย
ในเมื่อช่วงกลางดึก ขณะที่เกิดเหตุมีเพียงตนแฟนหนุ่ม และอาม่าที่เสียชีวิต อยู่กันภายในอาคาร ส่วนบุคคลอื่น ๆ ออกไปทำธุระ สำหรับสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ ตนไม่ทราบสาเหตุ เพราะต่างคนต่างอยู่ไม่ได้สุงสิงกัน ส่วนครอบครัวของอาม่า จะจุดธูปเทียนไหว้เจ้าหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะตนไม่เห็น ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ตนได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณสันจมูก เนื่องจากกระปุกออมสินรูปสุนัขตกใส่
ต่อมาทางนายนิว (นามสมมติ) ลูกชายของอาม่า ได้เดินทางมายังอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สะดวกให้เทศกิจ หรือบุคคลอื่น ๆ เข้าไปในบ้าน เนื่องจากยังมีธุระที่ต้องจัดการ โดยจะไปจัดการเรื่องงานศพของผู้เป็นแม่ ขณะนี้ภายในตัวอาคารถูกเพลิงไหม้ทั้งชั้นล่างและชั้นลอย ตนต้องไปอาศัยพักบ้านเพื่อนของตนไปก่อน
โดยขณะที่เกิดเหตุ ตนได้ออกไปทำงาน หากอยู่ก็คงจะเสียชีวิตไปด้วย เนื่องจากอาคารดังกล่าวมีทางออกเพียงทางเดียว ส่วนประตูหน้าต่างก็เป็นตะแกรงเหล็ก นอกจากนี้อาคารดังกล่าวยังมีญาติของตนพักอาศัยด้วย ส่วนชั้นลอยนั้น เป็นที่เก็บเสื้อผ้าที่จะนำไปบริจาค และด้านล่างเป็นที่พักของผู้เป็นแม่ของตน ซึ่งผู้เป็นแม่เดินไม่ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่ขอประเมิน ซึ่งผู้เป็นแม่เสียชีวิต ตนก็ประเมินไม่ได้แล้ว ส่วนอาคารเสียหายนั้นไม่ตายก็หาใหม่ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ตนขอไม่พูด
