พ่อแบมแฉ "ชาย-หญิง" ใช้เล่ห์อัดมือถือสืบข้อมูลลุงพล "ษิทรา" ปัดเป็นสปาย (คลิป)

11 ก.พ. 64

กรณีทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับนายหม่อง (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พยานคดีน้องชมพู่ ซึ่งเป็นการพูดคุยครั้งแรก เนื่องจากนายหม่องมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดี และได้ให้ปากคำกับตำรวจกองปราบปรามเพียงครั้งเดียว และไม่เคยให้ปากคำซ้ำ ซึ่งหลังจากนั้นก็เก็บตัวมาตลอด

219827

นายหม่อง ยอมเปิดเผยกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า ตำรวจได้เชิญตนไปสอบสวน เพราะลุงพลไปให้การว่าได้เจอกับตนในช่วงวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะลุงพลกำลังออกค้นหาน้องชมพู่ในช่วงบ่าย บริเวณหลังสวนยางลุงฮง ใกล้ ๆ กับห้วยบุ่ง แต่ตนยืนยันว่าในวันนั้นไม่ได้เจอกับลุงพล โดยย้อนกลับไปในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนกลับจากสวนยางไปถึงบ้าน เวลาก็เกือบ ๆ 11.00 น. และทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตนจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่บ้านน้องชมพู่ และเดินหาที่บริเวณสวนยางหลังบ้านน้องชมพู่จนถึงเวลา 12.00 น. ก็กลับมากินข้าวที่บ้าน

368541

หลังกินข้าวเสร็จก็ออกเดินตามหาน้องชมพู่อีกครั้งในช่วงบ่ายจนถึงเวลา 16.00 น. โดยครั้งนี้ได้ออกตามหากันหลายคนมาก ๆ ซึ่งมีทั้งชาวบ้านกกกอกและชาวบ้านกกตูมออกเดินตามหาที่บริเวณหลังสวนยางลุงฮงจนถึงห้วยบุ่งและเดินวนไปมาแถวบ้านพ่อแบม เดินตะโกนหาน้องชมพู่ ซึ่งตนจำไม่ได้ว่าเป็นชาวบ้านกกตูมคนไหนบ้าง

แต่ตนยืนยันได้ว่าตนไม่เจอลุงพล เพราะถ้าเจอตนจะจำลุงพลได้แน่นอน เนื่องจากเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและเคยเห็นหน้ากันมาก่อน ตนก็ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ไปตามตรงว่าตนไม่เจอลุงพล แม้ว่าลุงพลจะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเจอตน และตนได้นำโทรศัพท์ของตัวเองให้ตำรวจไปตรวจสอบว่า ตนไปอยู่ที่ไหนบ้างในวันที่ 11 พ.ค.63

ในวันที่ 12 พ.ค.63 ตนเริ่มออกหาตั้งแต่ตีนเขาภูเหล็กไฟ เดินไปทางโรงเรียนกกกอกตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายโมง และในวันที่ 13 พ.ค.63 ตนออกตามหาตั้งแต่ห้วยบางทรายไปจนถึงห้วยบุ่ง

ในวันที่ 14 พ.ค.63 ตนก็ออกตามหาที่ห้วยกะซะ ที่หมู่บ้านกกตูม ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ๆ ก็กลับไปบ้านเก็บเศษยางที่สวนยาง ซึ่งการออกค้นหาทั้ง 4 วัน ตนไม่ได้เจอกับลุงพลเลย เพราะเขาไม่ได้ไปกับกลุ่มตน และตนก็ไม่รู้ว่าเขาเจอตนเมื่อไร

252515

ล่าสุดวันที่ 11 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เข้าพูดคุยกับ ทนายทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรับเป็นทนายในคดีดังกล่าว เพราะยังไม่ครบเงื่อนไข 3 อย่างตามที่ตนได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น ได้แก่ 1.ได้คุยกับลุงพล 2.ได้ไปดูที่เกิดเหตุ และ 3.ได้ไปคุยกับพยาน

โดยจนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้พบพยานมากนัก จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ ส่วนการได้ไปพบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็มีไปหามาบ้าง แต่ที่มีข่าวออกมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่า ตนไปพบมาแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องจริง ตนยังไม่เคยไปพบกับหญิงคนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่ตนลงพื้นที่ ตนไปพบอยู่แค่ 2 คน คือ ผู้ใหญ่บ้าน และอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่บ้านกกกอก เพราะฉะนั้นที่มีการออกมาให้ข่าวว่า มีทีมทนายเข้าไปสอบถามข้อมูลนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงแต่เป็นเรื่องโกหก ก็คงเป็นเรื่องเข้าใจกันผิด 

ตำรวจได้มารับตัวพ่อแบม ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร

359165

โดยพ่อแบม ยอมรับว่า ตำรวจเข้าเชิญตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมจริง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งข้อมูลที่ให้กับตำรวจวันนี้ ยังเป็นข้อมูลเดิมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตัวเองและลุงพล รวมถึงเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่น้องชมพู่หายตัวไป ซึ่งยังให้การตามเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

832316

พ่อแบม กล่าวต่อว่า ในการเรียกสอบปากคำบ่อยครั้งในช่วงเวลานี้ ทำให้เกิดความกังวล เพราะตนอาจตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนไม่หวังดี สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เรียกตนไปสอบปากคำถึง 3 ครั้ง และใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนชุดทีมงานที่มาสอบสวนเรื่อย ๆ

804057

นอกจากนี้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงเดียวกันกับที่ทนายษิทรา เดินทางมาในพื้นที่หรือไม่ ได้มีชาย-หญิงคู่หนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี แต่งกายดูดีเหมือนคนระดับสูง ไม่เหมือนชาวไร่ชาวนา มาด้วยรถกระบะ 4 ประตู สีเทาดำ เข้ามาหาที่บ้าน และทำทีมาเสนอขายสังกะสี สำหรับทำโกดังเก็บของ

720873

จากนั้นได้พยายามสอบถามเกี่ยวกับเรื่องคดีของน้องชมพู่ และยังถามรายละเอียดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตนและลุงพล เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดอะไรในเชิงลึก เพราะเชื่อว่าทั้ง 2 คนที่เข้ามามีเจตนาไม่ดี และน่าจะมีการบันทึกเสียงไว้ เพราะเห็นว่า 1 ใน 2 คน ถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือตลอดเวลาที่พูดคุยกับตน

826863

ขณะที่นางส้มโอ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ทนายตั้มมากกกอก วันที่ 4-6 ก.พ.64 มีรถเก๋งสีขาว มาขับวนหน้าบ้าน จากนั้นมาจอด แล้วตะโกนถามว่า “ใช่นางส้มโอหรือไม่” มีชายใส่เสื้อโปโลสีขาวทับใน ถือสมุดสีดำ ลักษณะสมุดจดบันทึก เข้ามาเพื่อจะคุยขอข้อมูล เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ แต่ไม่มีการยืนยันตัวตนว่าเป็นใคร มาจากไหน แต่ตนเชื่อว่าไม่ใช่ตำรวจ เพราะปกติตำรวจที่มาหาที่บ้านจะแสดงตัวทุกคน อีกทั้งการแต่งกายและทรงผมก็จะเป็นเอกลักษณ์

ทั้งนี้ในวันที่ชายปริศนาพยายามมาขอข้อมูล ตนได้ปฏิเสธ และอ้างว่ามีธุระไม่ว่างคุยด้วย เพราะเป็นการป้องกันตัวเอง กลัวว่าจะเผลอให้ข้อมูลกับคนที่ไม่หวังดี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนของใคร และมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพราะที่ผ่าน ๆ มา ตนให้ข้อมูลกับตำรวจและสื่อมวลชนไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ขอพูดคุยกับชายคนดังกล่าว

แม้ว่าคดีน้องชมพู่ใกล้ถึงวันที่คดีจะมีความคืบหน้า ชาวบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ต่างยังคงใจจดใจจ่อ และร่วมลุ้นไปพร้อมกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยหวังว่าคดีจะมีความคืบหน้าโดยเร็ว เพราะชาวบ้านอยากจะออกมาใช้ชีวิตตามปกติแบบไม่อยู่ในความหวาดระแวง ส่วนลุงพลยังคงอยู่บ้านทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มยูทูเบอร์ 

790414

บรรยากาศยามค่ำคืน ที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งชาวบ้านต่างใช้ชีวิตตามปกติ บางส่วนเริ่มเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปรับจ้างขุดมันสำปะหลัง

แต่สังเกตว่าเมื่อช่วงหัวค่ำ มีชาวบ้านกกกอกบางส่วนออกมาล้อมวงพูดคุยกัน เกี่ยวกับความคืบหน้าทางคดีน้องชมพู่ และเรื่องทั่ว ๆ ไปในหมู่บ้าน ภายใต้กองไฟ 1 กอง สำหรับคลายความหนาว เพราะช่วงกลางคืนมีอุญหภูมิสูงต่ำสุด อยู่ทึ่ 16 องศาเซลเซียส

675146664098

ขณะที่บรรยากาศหน้าบ้านของนางไชย์พล วิภา หรือลุงพล ซึ่งมีกลุ่มยูทูเบอร์ ได้ออกมาไลฟ์สด และทำคลิปเพื่อลงช่องยูทูบของตัวเอง ถ่ายภาพลุงพลขณะออกมากำกับงานก่อสร้าง และต่อเติมร้านค้าขายเสื้อผ้า ฝั่งตรงข้ามองค์พญานาค แต่บรรยากาศภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งสังเกตว่าไม่ได้มีป้าแต๋น ออกมาร่วมทำกิจกรรมที่ร้านหน้าบ้าน

354683

ส่วนที่บ้านของนางพงศ์สุดา เชื้อคนแข็ง หรือ ย่าน้องอชิ ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่หันมาเปิดช่องยูทูบเป็นของตัวเอง ภายใต้ชื้อช่องว่า “ย่าอชิ กกกอก” ได้ไลฟ์สดขายเสื้อมัดย้อม อยู่ภายในบ้าน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สำหรับเปิดขายของออนไลน์ โดยจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาท

341991

ย่าอชิ บอกว่า หลังจากทราบข่าวว่า วันที่ 15 ก.พ.64 คดีน้องชมพู่อาจมีความคืบหน้า ตนตั้งความหวังว่าอยากจะให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว ชาวบ้านจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เพราะทุกวันนี้ยังต้องหวาดกลัว หวาดระแวง และกลัวว่าจะมีเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดขึ้นอีก แม้ว่าจะมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการจับคนร้ายออกมาเป็นระยะ ชาวบ้านก็ต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ที่สำคัญไม่รู้ว่าคดีจะจบลงได้วันที่ 15 ก.พ.64 หรือไม่ เพราะวันนี้ก็ยังเห็นมีการเรียกพยานที่สำคัญเกี่ยวข้องกับคดี ไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีก และไม่รู้ว่าวันไหนจะมีเรียกสอบใครอีก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคดีใกล้ถึงวันครบกำหนดที่คดีจะมีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงทำงานอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ยังคงเดินทางเรียกสอบพยานบุคคลสำคัญเกี่ยวข้องกับคดีต่อเนื่อง โดยทราบรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ (12 ก.พ.64) จะเรียกสอบพยานจากชาวบ้านเพิ่มเติมอีกหลายคน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส