จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุ "ลุงขับแท็กซี่แต่งกายคล้ายตำรวจ ใส่เสื้อกั้ก มีตรา POLICE และโลโก้นักข่าว เข้าเบ่งก้ามทำการตรวจสอบรถประชาชน พูดจาข่มขู่ แบบนี้ผิดไหม"
วันที่ 10 ก.พ. 64 ทีมข่าวได้ลงพื้นไปยัง สถ.กระทุ่มแบน พบว่าร้านที่คุณป้าที่ปรากฎในคลิปวิดีโอนั้น ตั้งแผงขายตรงบริเวณที่จอดรถของ ผู้มาติดต่อราชการ
นางเจี๊ยบ อายุ 62 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอด เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ ส่วนตัวนั้นไม่ทราบ เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุนั้นไกลจากที่ตนขายของ แต่ปกติแล้วหญิงที่ปรากฏในคลิปวิดีโอจะมาขายของที่ต้นไทร โดยจะมีร่มมากาง เพื่อขายของเกี่ยวกับอุปกรณ์ของตำรวจ ซึ่งตนไม่ได้สนิทหรือพูดคุยกับหญิงรายดังกล่าว ส่วนชายที่ไลฟ์สดทำตัวเหมือนตำรวจนั้น ตนไม่เคยเห็นและรู้จักมาก่อน คาดว่าน่าจะไม่ใช่คนในละแวกนี้
ทั้งนี้ ที่หลายคนมองว่าพฤติกรรมของชายรายดังกล่าวดูเหมือนว่าทำตัวกร่างนั้น ตนไม่ทราบว่าชายรายดังกล่าวอาจหยอกล้อกับหญิงที่ปรากฏในคลิปหรือไม่ เพราะตนไม่ได้ใกล้ชิด และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการขายของตรงบริเวณที่จอดรถนั้น ก็อาจจะกระทบต่อผู้มาใช้บริการ
นายธนภัทร อุทุมพันธ์ อายุ 54 ปี คนแท็กซี่ เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ของรัฐ นำรถที่มีโลโก้สติกเกอร์รูปตำรวจ และสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นรถป้ายดำที่ระบุเป็นรถเช่า แต่ไม่ได้มีการปิดป้าย พ.ร.บ.หน้ารถ จึงเข้าไปสอบถามว่ามีการชำระค่าพ.ร.บ.ภาษีรถหรือไม่ และมาจอดในพื้นที่จอดของเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร เหตุผลของการเข้าตรวจสอบนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐยังสามารถตั้งจุดตรวจขอดูและตรวจสอบประชาชนที่ไม่ปิดป้ายพ.ร.บ.รถยนต์ได้ อีกทั้งตนเป็นเป็นสื่อฯ ที่มองเห็นว่ารถเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคันไม่ปิดแผ่นป้ายพ.ร.บ.เช่นกัน และต้องการทราบถึงสาเหตุเท่านั้น
นายธนภัทร ย้ำอีกว่าถ้าหากมองว่าตนข่มขู่หรือทำให้ตกใจนั้น ผู้ที่โดนข่มขู่สามารถแจ้งเอาความดำเนินคดีกับตนได้ ส่วนในเรื่องของรถแท็กซี่ที่มีการปิดป้ายข่าวนั้น ตนนั้นทำอาชีพอิสระ เป็นจิตอาสา ไม่ได้รับเงินเดือน และเป็นอาชีพที่ทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งตนเป็นหัวหน้าข่าวอาชญากรรมภูมิภาค อยู่ในสำนักข่าวกรองปราบและสัมพันธ์ สามารถตรวจสอบตนได้ เสื้อกั๊กที่ตนสวมใส่นั้น เป็นชุดยูนิฟอร์มสัญลักษณ์ที่ทางสำนักกองปราบและสัมพันธ์ออกให้ ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อก่อนสำนักของตนเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ตำรวจและท่องเที่ยว และในปัจจุบันนั้นปรับเปลี่ยนมาในรูปแบบข่าวออนไลน์ ไม่เป็นช่องทีวีดิจิทัล เป็นข่าวอิสระ มีเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ตระเวนทำข่าวไปในทุกจังหวัด