ผู้เสียหายเพิ่มอีก 700 คน ถูกสวมสิทธิ์ "คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน" ขยายผลพบครู 3 คนร่วมขบวนการ

9 ก.พ. 64

พบชาวบ้านตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเอาเลขบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มอีกเกือบ 700 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและไม่มีสมาร์ทโฟน พร้อมกันนี้พบผู้ร่วมขบวนการเป็นครูผู้หญิง 3 คน เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการเอาผิด

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศาลาประชาคมภายบ้านยางคำ ม.2 ต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ชาวบ้าน 500 ราย รวมตัวกันเพื่อลงชื่อและร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ จ.ขอนแก่น หลังถูกกลุ่มครูนำบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์ใช้ในโครงการคนละครึ่งและโครการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาล

1612853017989

นางชุมพร ส่วยลี อายุ 62 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์กล่าวว่า ในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มีครูทราบเพียงชื่อเล่นว่า "ครูอ้อ" ทำงานในเทศบาลตำบลยางคำและเป็นครูสอนที่ศูนย์ปฐมวัย ได้มาพูดว่าถ่ายสำเนาบัตรประชาชนมาให้แล้วจะได้รับเงิน 200 บาท จึงได้รวบรวมเอาบัตรประชาชนของคนในครอบครัวไปมอบให้ครูอ้อจากนั้นก็รับเงินมา โดยครูอ้อกำชับว่ารับเงินไปแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด ในขณะรับเงินได้ถามว่าเป็นเงินอะไรแต่ครูอ้อไม่ตอบ

1612852996104

ตนคิดว่าเงิน 200 บาท ที่ได้มามีค่ากับครอบครัวในการนำมาซื้อข้าวซื้ออาหารกินกันจึงไม่คิดมากและรับเงินมา กระทั่งผู้ใหญ่บ้านกำนันประกาศแจ้งว่าใครที่รับเงิน 200 บาท แล้วถูกถ่ายรูปเอาบัตรประชาชนไปให้มาลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรมอำเภอหนองเรือจึงได้รู้ว่าตัวเองถูกสวมสิทธิ์ เพราะเป็นคนไม่มีโทรศัพท์มือถือจึงไม่ทราบเรื่องการลงทะเบียนในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเมื่อทราบว่าครูซึ่งเสมือนลูกหลานของชาวบ้านไม่น่ามาทำแบบนี้ไม่น่ามาหากินกับคนจน

1612853066200

ทางด้านนายชัยพร อาจมนตรี อายุ 45 ปี กำนันตำบลยางคำกล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ้านฝาง ถูกครูนำเงินมาให้แล้วถ่ายเอาบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์เข้าใช้ในโครงการของรัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจึงสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านกำนันตรวจสอบในพื้นที่ตัวเองว่ามีชาวบ้านถูกสวมสิทธิ์หรือไม่

1612853007245

ตนจึงทำการตรวจสอบปรากฏในพื้นที่ตำบลยางคำซึ่งมีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน มีชาวบ้านที่บ้านยางคำหมู่ที่ 1, 2 และบ้านยางคำหมู่ที่13, 14 และบ้านหนองหว้า ม.3 ถูกครู 3 คนคือ "ครูอ้อ ครูเดียว ครูพี้" มาชวนให้รับเงินคนละ 200 บาท แล้วถ่ายเอาสำเนาบัตรประชาชนไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุรวมแล้ว 500 คน และเมื่อทราบรายละเอียดจึงรายงานไปยังนายอำเภอกระทั่งมีการจัดเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอมารับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ