เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ที่บริเวณตรงข้าม ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีชายสูงวัย สวมใส่เสื้อสีเขียว กางเกงยีนส์ นำมีดปอกผลไม้จี้คอตัวเอง พร้อมโชว์เอกสารสัญญากู้ยืมเงิน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปเจรจา และดึงมีดออกจากชายคนดังกล่าว พร้อมนำตัวเข้ามายัง ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อสอบถามถึงสาเหตุ
ทั้งนี้ทราบภายหลังว่า นายประเสริฐ อายุ 62 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ซึ่งมีปัญหาเรื่องหนี้สินรุมเร้า อ้างว่าถูกนายทุนโกงเงินกว่า 800,000 บาท จึงเกิดความเครียด และต้องการมาเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การช่วยเหลือ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงเดินทางมายังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 5 ต.คูขวาง อ.ลาดหลุดแก้ว จ.ปทุมธานี เป็นบ้าน 2 ชั้น ลักษณะเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยจะเป็นชุมชนอิมสลาม อยู่ใกล้ติดกับมัสยิดนูรุ้ลยากีน
นายประเสริฐ อายุ 62 ปี หรือ ลุงดิน เล่าให้ฟังว่า เนื่องจากหลายปีก่อนตนมีที่ดินเปล่าสำหรับทำนาประมาณ 10 ไร่ จึงนำเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนทำนา ซื้อปุ๋ยซื้อเมล็ดข้าวมาปลูก แต่เนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ ในปีพ.ศ.2558 ตนได้กู้ยืมจากนายทุน ซึ่งในครั้งแรกของการกู้ยืมเงิน จำนวน 25,000 บาท โดยกู้มาใช้ในการนำมาลงทุนทำไร่นา ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งจะได้ผลผลิตทั้งหมด ประมาณ 10 ตัน โดยผลผลิตต่อตันนั้น สามารถขายได้เงินประมาณ 7,000 - 8,000 บาท/ตัน
โดยใน 1 ปีตนจะเก็บเกี่ยว 2 ครั้ง โดยในการเก็บเกี่ยวนั้น นายทุนได้บอกว่า จะนำข้าวทั้งหมดไปขาย และหักล้างกับหนี้สินที่ได้ยืมไป หลังจากหักลบแล้ว ก็ได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ประมาณ 10,000 บาทต่อครั้ง รวมในปี 2558 ได้เงินกลับมา 20,000 บาท
ในปี 2559 ตนได้มีการกู้ยืมเงินจากนายทุน ในครั้งที่ 2 จำนวนเงินประมาณ 2 แสนบาท เพื่อนำเงินมาต่อยอดสำหรับการลงทุน ทำไร่นา ซื้อรถไถนา ซื้ออุปกรณ์ ปุ๋ย และข้าว เพิ่มเติม และลงทุนเช่าพื้นที่ไร่นาเพิ่มจากเดิม 20 ไร่ เพิ่มเป็น 40 ไร่ โดยได้มีเช่าที่นาเพิ่มเติมไร่ละประมาณ 1,000 บาท/ปี แต่เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตและหักค่ากู้ยืมไป ตนได้รับเงินกลับมา 2 ครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท
ในปี 2560 ตนก็ได้กู้ยืมอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย จำนวนเงิน 30,000 บาท เพื่อซื้อปุ๋ยและข้าว เพิ่มนำลงทุนอีกครั้ง เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวทั้งหมดส่งขายให้กับนายทุน แต่รอบนี้กลับไม่ได้รับเงินจากนายทุน ทีมข่าวได้ถามย้ำอีกว่า ผลผลิตข้าวทั้งหมดนั้นขายให้กับนายทุนตลอด 3 ปี คิดว่าเงินกู้ยืมทั้งหมดจะเหลือประมาณเท่าไร นายประเสริฐ ได้ตอบว่า "จริง ๆ น่าจะเหลือเพียง แสนกว่าบาท"
จนกระทั่งมีหมายศาลมาที่บ้าน ตนเกิดอาการเครียด ทำให้ตนนอนไม่หลับ ทำไมยังหักล้างกันไม่หมด อีกทั้งเมื่อตนมีเงินจากการขายที่นา จึงได้นำเงิน 2 แสนบาทจ่ายหนี้ไปให้กับนายทุน ตนจึงคิดว่าเงินทั้งหมดนั้นต้องหักล้างกันหมดแล้ว แต่ทางด้านนายทุนบอกว่า หากจะหักล้างทั้งหมดเงินจะเหลือประมาณ 7 แสนกว่าบาท ตนจึงตกใจว่ากู้ยืมไปเพียงแค่จำนวนไม่กี่แสน แต่ทำไมดอกถึงสูง
นายมาน อาคำ น้องชาย กล่าวผ่านทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า พี่ชายเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว มีปัญหาใด จะไม่พูดคุยกับครอบครัว โดยทางด้านครอบครัวนั้นเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้าวันนี้ว่า พี่ชายนำมีดจี้คอตัวเองหน้าทำเนียบรัฐบาล และเมื่อพี่ชายกลับมายังบ้าน ได้สอบถามกับพี่ชายก็ได้ทราบว่า ได้มีการติดหนี้กับนายทุน เกือบ 2 ล้านบาท ตนรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากพี่ชายได้ทำนา และนำผลผลิตข้าวทั้งหมด มอบให้กับนายทุนตลอด คาดว่าจะต้องหักล้างหนี้ครบแล้ว
ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับครอบครัว เหมือนกับการเอารัดเอาเปรียบครอบครัว เนื่องจากไม่ได้มีเอกสาร ระบุยืนยันในการชำระหนี้ โดยนายทุนนั้น นำเงินต้นมาทบดอก นำดอกมาทบต้น ทำให้ ผู้กู้นั้นไม่สามารถใช้หนี้ได้จนครบ เพราะจ่ายเงินได้เพียงแค่ดอกเบี้ย ไม่สามารถชำระเงินต้นได้เลย ชีวิตเหมือนเป็นเจ้ากรรม ที่คนกู้หมดที่ดินไปเพราะดอกเบี้ยที่สูง ไม่สามารถชำระเงินต้นได้
