บีบหัวใจ! สาวแย่งปืนลั่นใส่หนุ่มกราบเท้าแม่ผัว สุดทนขอแยกบ้าน เชื่อตามง้อหวังฆ่า (คลิป)

6 ก.พ. 64

จากกรณีเกิดเหตุผัวทะเลาะเมีย ก่อนฝ่ายผัวชักปืนขู่แต่ทั้งคู่มีการแย่งปืนกัน จนปืนลั่นใส่ฝ่ายผัวจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 17.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าชั้นเดียว ภายในซอยลิขิต เหตุเกิดภายในห้องที่ 3 พบศพ นายชีวานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า นอนทับอาวุธปืน โดยมีนางสาวจุฑามาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ยืนอุ้มลูกสาววัย 1 ขวบเศษ ตัวสั่นร้องไห้ ตามตัวมีคราบเลือดเปื้อนอยู่

595066

เบื้องต้นพบว่าอาวุธปืนที่ผู้ตายนอนทับอยู่เป็นอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ขนาด .45 แบบหักลำ ภายในรังเพลิงพบปลอกกระสุนใช้งานแล้วบรรจุอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณกลางหน้าอกตัดขั้วหัวใจ 1 นัด ที่นิ้วมือของผู้ตายยังพบมีคราบเขม่าดินปืนติดอยู่เป็นจำนวนมาก

355911

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาวแม่ลูกอ่อนโฮปืนลั่นใส่ผัวตาย อุ้มลูกมอบตัวแจงถูกซ้อมต้องสู้เลยพลาด (คลิป)

ล่าสุด วันที่ 6 ก.พ. 64 เวลา 10.00 น. ครอบครัวนายชีวานนท์ เดินทางมายังห้องพักพร้อมด้วยพระสงฆ์ 1 รูป เชิญดวงวิญญาณนายชีวานนท์กลับบ้านใน จ.สมุทรปราการ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า นางเนาวรัตน์ เฉยบัณฑิต อายุ 60 ปี ยายผู้เสียชีวิต และนางสาวกรพินธ์ เฉยบัณฑิต อายุ 45 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ร่วมกันจุดธูปทั้งน้ำตา พร้อมเรียกนายชีวานนท์ให้กลับบ้าน

476660

นางสาวจุฑามาศ ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทะเลาะกับสามี จนบางครั้งตนเองต้องบอกเลิก ซึ่งทำให้สามีไม่พอใจและทำร้ายร่างกาย เป็นแบบนี้มาโดยตลอด เรื่องที่ทะเลาะกันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น หึงหวง หรือพูดไม่เข้าหูกัน ขณะเดียวกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนเองตัดขาดกับเพื่อนผู้ชายเพื่อความสะบายใจของสามี คบหาแต่เพื่อนผู้หญิง แต่สามีก็ยังชอบทุบตีป็นกิจวัตร ตนเองก็ไม่เคยแจ้งความ ไม่เคยติดใจเอาความ

ก่อนวันเกิดเหตุได้ 1 สัปดาห์ ก็ทะเลาะกันหนักมาก สามีพยายามจะเข้ามาทุบตีตนเอง แต่ตอนนั้นมีมีดอยู่ใกล้ ๆ จึงถือขู่ไว้ สามีก็เดินหนีออกไปจากห้อง จากนั้นตนเองจึงโทรหาแม่สามีบอกว่าขอเลิกรา เพราะตนเองทนไม่ไหวแล้ว บอกแม่สามีว่าเรื่องลูกเดี๋ยวไปฟ้องกันที่ศาลหากฝ่ายสามีจะเอาไปดูแล แต่แม่สามีได้ขอร้องไว้ว่าให้คุยกันก่อน ปรึกษากันดี ๆ เพราะมีลูกด้วยกัน ไม่อยากให้เรื่องไปถึงตำรวจ ซึ่งตนเองเข้าใจ ประกอบกับในใจลึก ๆ ก็ไม่กล้าเลิกราเพราะทั้งรักสามี และทั้งห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกขาดพ่อ

cg

กระทั่งวันเกิดเหตุตัดสินใจจะเลิกกัน สามีวิ่งเข้ามาที่ห้องย่าของตน เพื่อเก็บเสื้อผ้าของลูกและบอกว่าจะเอาลูกกลับไปเลี้ยงเอง แต่ตนเองไม่ยอม จนมีการต่อยตีกันต่อหน้าย่าของตน ย่าพยายามห้าม แต่สามีไม่หยุดทำให้สลับกันผลักกันไปมา จนตนเองล้มลง สามีก็ขึ้นคร่อมตัวควักปืนออกมาจี้ที่หน้าท้องของตนเอง ตนเองต่อสู้และกัดแขนขวาสามี ตนเองพยายามจะแย่งปืนออก แต่ปืนก็ลั่น ตนเองตกใจมากจึงวิ่งออกจากห้องขอให้คนช่วยเรียกรถพยาบาล แต่ไม่มีใครช่วย จึงวิ่งกลับที่ห้อง พบว่าสามีหายใจเฮือกสุดท้าย และนิ่งไปทันที เหตุที่เกิดขึ้นโชคดีที่ลูกสาววัย 1 ขวบเศษอยู่กับเพื่อนบ้านในห้องพักแถวเดียวกัน เพราะก่อนเกิดเหตุเพื่อนบ้านได้มาพาลูกสาวไปนั่งเล่นด้วย ลูกจึงไม่อยู่ในเหตุการณ์

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าวันนี้ยังรักสามีไหม ก็ยังรักมาก ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ตนเองไม่ได้ตั้งใจ และอยากขอโทษครอบครัวสามี "วันนี้หนูก็ยังรักเขา หนูก็ไม่อยากให้ลูกเสียพ่อไปเหมือนกัน หนูขอโทษ"

383115

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. หลังจากญาติไปรับศพนายชีวานนท์ มีการนำศพมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไว้ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยมีญาติร่วมพิธีรดน้ำศพด้วยความอาลัย ขณะที่นางสาวจุฑามาศ ภรรยาผู้เสียชีวิต เมื่อเดินทางมาถึงศาลาที่มีการตั้งศพมีการรดน้ำศพสามีก้มกราบแม่สามี พร้อมกล่าว "ขอโทษ" บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีการสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก และมีกำหนดตั้งบำเพ็ญกุศลศพรวม 2 คืน ก่อนฌาปนกิจศพในวันที่ 8 ก.พ. 64

451067

นางสาวกรพินธ์ เฉยบัณฑิต อายุ 45 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝ่ายหญิงโทรหาตนเอง บอกให้มารับลูกชายกลับไปอยู่บ้าน เพราะทั้งคู่ตัดสินใจจะเลิกรากัน ตนเองจึงเกลี้ยกล่อมว่าให้คุยกันดี ๆ ตกลงกันดี ๆ เพราะมีลูกด้วยกัน ตนเองไม่อยากให้หลานขาดพ่อ ซึ่งไม่มีท่าทีว่าฝ่ายหญิงมีอารมณ์โกรธหรือท่าทีว่าจะฆ่ากันตาย และตนเองไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะใจกล้ายิงลูกชาย ดังนั้นตอนนี้ในเรื่องคดีความจึงยังไม่สามารถพูดได้ว่าไม่ติดใจเอาความ ขอรอให้ตำรวจสอบสวนให้จบก่อน เพราะหากเป็นการฆ่ากันตนเองก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องหลานยังไม่ได้หารือกัน เพราะตนเองเป็นห่วงหลาน กลัวลูกสะใภ้ไม่มีกำลังดูแลหลาน แต่ก็คงต้องรอให้งานศพจบก่อน และคงจะคุยกันอีกครั้ง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส