ศพสยอง! ลอบผลิตพลุ บึ้มฉีก 5 ร่างกระจุย ย่าช็อกหลาน 2 ขวบตายคาซาก (คลิป)

5 ก.พ. 64

จากกรณีเกิดเหตุพลุระเบิดอย่างรุนแรงที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ ซึ่งเป็นคนงานที่ถูกจ้างมาทำพลุอยู่ในบ้านเสียชีวิตทั้งหมด เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 4 ก.พ. 64

318539664378814915

วันที่ 5 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 84 ม.3 ต.หนองหญ้าไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร โดยสภาพเสียหายบนพื้นที่มากกว่า 5 ไร่ มีย่อยยับเหลือเพียงเศษซากบ้านจากแรงระเบิด เหลือเพียงแค่โครงบ้านบางส่วนเท่านั้น

994591

ภายในพื้นที่บ้านเต็มไปด้วยเศษปูน กระจก ไม้ แผ่นสังกะสี กระจายเต็มพื้นที่บ้าน ถัดมาตรงจุดเกิดเหตุ อยู่ทางด้านข้างหลังบ้าน พบหลุมพื้นปูน 3 หลุมยุบลงไป โดยรอบบ้านมีลักษณะของลูกบอลพลาสติกที่ใส่ชนวนไว้แล้ว แต่ไม่ยังไม่ได้ใส่ผงดินระเบิดที่ผสมกำมะถัน บรรจุอยู่ในกระสอบ

746754

ขณะที่ทีมข่าวเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุกำลังพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังตรวจหาเศษเนื้อชิ้นส่วนของมนุษย์ ซึ่งถูกแรงระเบิดอัดกระจายเต็มพื้นที่ในรัศมี 100 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งเจ็บชิ้นเนื้อเพื่อเอาไปตรวจ DNA ข้อมูลจากชาวกู้ภัยบอกว่าได้มีการเก็บไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 64 แล้ว

172751

ทราบชื่อคือ นายศิวกร พรมวิเศษ หรือ อั้ม, นายเกรียงไกร ท้าวเจริญ หรือ สด, นายประดิษ มีคำ, นายสมทรง สุทธิชัง หรือ ตุ๊ก และเพื่อนบ้าน ด.ช.อธิวัฒน์ พวงมาลา หรือ น้องคาเวียร์ วัย 2 ปี

492442497255

ระยะห่างแต่ละบ้านจากจุดเกิดเหตุที่ได้รับความเสียหาย
1. บ้านนางจำเนียร ห่าง 150 เมตร
2. บ้านนางสงบ ห่าง 50 เมตร
3. บ้านนางป้อม ห่าง 30 เมตร
4. โรงเก็บของ นายทองสุข ห่าง 30 เมตร
5. บ้านนายทองสุข ห่าง 80 เมตร
6. บ้านนายห่อ ห่าง 120 เมตร
7. บ้านนายประเสริฐ เจ้าของโรงผลิตพลุ ห่าง 160 เมตร

958373744245108027580289837049917900397925

นางป้อม พวงมาลา อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย บ้านหลังที่ใกล้กับจุดระเบิดมากที่สุด ระยะห่าง 30 เมตร เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังเตรียมที่จะหุงข้าวอยู่ในบ้าน หลาน 2 คนกำลังวิ่งเล่นภายในห้องครัว คนโต 2 ขวบ คนเล็ก 1 ขวบครึ่ง

946920

ซึ่งห้องครัวจะอยู่ทางด้านหลังของบ้าน ใกล้กันกับจุดเกิดที่เหตุ หลานคนเล็กวิ่งออกมาจากห้องครัว ตนหันกลับไปกำลังจะอุ้มหลานชายวัย 1 ขวบครึ่ง ก็ได้ยินเสียงระเบิด

215818

จากนั้น บ้านพังลงมาเกือบทั้งหมด ตนจึงหอบหลานชายวิ่งออกมาจากบ้าน ในขณะที่วิ่งออกมาตนถูกไม้ล้มทับใส่ ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณน่องขวา เท้าขวาบวมถลอก แขนขวาบวมช้ำ และตาขวาโดนไม้หล่นทับ เมื่อออกมาก็ขอความช่วยเหลือชาวบ้าน กลับเข้าไปดูเห็นหลายชายวัย 2 ขวบนอนแน่นิ่งแล้ว จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล โดย ด.ช.อธิวัฒน์ พวงมาลา หลานชายก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรศพ คาดว่าจะนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดวังไม้ตอก เมื่อคืนนอนไม่หลับ ภาพยังคงติดตาอยู่ เรื่องความเสียหายตนก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบในการซ่อมแซมบ้าน ตอนนี้ก็อาศัยบ้านญาติไปก่อน

868933

โดยวันนี้พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรสากเหล็ก ได้เรียกนางชญาดา ท้าวเจริญ อายุ 42 ปี ภรรยาของนายประเสริฐ พรมวิเศษ อายุ 48 ปี เจ้าของโรงงานระเบิดปิงปอง และรอดตายอย่างหวุดหวิด มาสอบปากคำ พร้อมเล่าว่า ในช่วงที่เกิดเหตุนายประเสริฐไม่ได้อยู่ภายในโรงงาน ล่าสุด นายประเสริฐติดต่อมาหาตนเอง และจะเข้ามอบตัวภายในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. นี้ ส่วนตัวเองไม่เคยไปที่โรงงานแห่งนี้ ทราบแต่เพียงว่านายประเสริฐทำมาประมาณ 1 ปีแล้ว

cg

ด้านนางสงบ รุ่งอุทัย อายุ 60 ปี ผู้เสียหาย อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร บอกว่า ขณะนั้นตนกำลังดูโทรทัศน์ และเลี้ยงหลานวัย 6 เดือนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ยินเสียงระเบิด แต่ได้ยินเสียงประตูบ้านของตนเองหลุดกระแทกพื้น จากนั้น ตนได้ยินเสียงเด็กร้องโหวกเหวกมาจากบ้านของนางป้อม จึงรีบหอบหลานวัย 6 เดือนออกจากบ้านมาดู พบว่าข้างบ้านมีควันสีดำลอยขึ้นท้องฟ้า จึงคาดว่าน่าจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น

335065

โดยบ้านตนได้รับความเสียหาย ด้านบนของบ้านที่ทำมาจากไม้กำแพงพังทะลาย สังกะสีปลิว ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย เนื่องจากอยู่ด้านล่างซึ่งเป็นบ้านปูน เสียหายแค่ส่วนที่เป็นไม้

ส่วนตัวรู้ว่ามีการลักลอบทำพลุ แต่ไม่มีใครอยากยุ่ง ต่างคนต่างอยู่ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้าน ตนก็คงต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติก่อน เนื่องจากสภาพบ้านขนาดนี้ไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่

643050

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียก นายประเสริฐ พรมวิเศษ หากไม่มาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในวันอังคารที่ 9 ก.พ.64 ก็จะออกหมายจับในข้อหา สั่ง นำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิงโดยได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส