ทนายตั้มปัดรับเงินล้าน ชี้พบ 3 อย่างช่วยลุงพลได้ - หมอปลาเมินไม่ให้ซักบาทช่วยคดี (คลิป)

5 ก.พ. 64

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ว่า ตนบอกตั้งแต่วันแรกเเล้วว่า ตนจะต้องเดินทางไปดูพื้นที่ที่เกิดเหตุ และพูดคุยกับพยานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน และจะตัดสินว่าจะช่วยในคดีนี้หรือไม่ และวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไร วันพรุ่งนี้คงจะขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ส่วนลุงพลก็ไม่ได้มีอาการวิตกอะไร ซึ่งได้คุยกันเรื่องเด็กที่ลุงพลยืนยันว่า ไม่มีทางที่จะขึ้นเขาเองได้ เช่นเดียวกับยูทูเบอร์ก็บอกเช่นนั้น ซึ่งตนเป็นทนายความ ก็จะขอเดินทางไปดูด้วยตาของตัวเอง 

457958

ทั้งนี้ก่อนจะรับเป็นทนายความในคดีน้องชมพู่ ตนขอ 3 อย่าง 1.ดูที่เกิดเหตุ 2.คุยกับลุงพล และ 3.คุยกับพยาน ซึ่งพยานที่ตนหมายถึงนั้นจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี หากพยานไม่ยอมพูดคุยด้วย ตนก็คงจะไปบังคับไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา นอกจากนี้ตนก็หวังว่าอยากจะคุยกับแม่น้องชมพู่ แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงไม่อยากคุยกับตน แต่เบื้องต้นก็จะให้ทีมประสานไปยังแม่น้องชมพู่ 

313072

นอกจากนี้ ตนก็เคยอัดเสียงพยานในคดีครูปรีชา แต่ตนก็ไม่ได้นำมาใช้ในสำนวน ซึ่งหากจะให้ตนไปหลอกว่าตนเป็นนักข่าวอัดเสียงพยานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล ตนคิดว่าเขาเห็นหน้าตนก็รู้แล้วว่า "ผมเป็นใคร ผมเป็นทนาย" ตนไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น และหากมีคลิปเสียงเกิดการใส่ร้ายกัน ตนก็จะไม่นำมาเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องค่าตอบแทนที่เป็นอีกประเด็นที่สังคมสงสัย ทนายตั้ม บอกว่า "ทนายความในคดีเก่า ผมได้แค่ 5 พันบาท" ส่วนคดีใหม่ตนยังไม่ได้คุยเรื่องค่าตอบแทนกับลุงพล เรื่องนี้ถามลุงพลได้ ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงกันว่า ตนเรียกรับค่าตอบแทนเป็นล้านบาท "มันก็แล้วแต่คดี แต่ของลุงพลไม่ถึงขนาดนั้น" เรื่องจอมขมังเวทย์ตนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

934060

ขณะที่ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ว่า ตนกับทนายตั้มพูดคุยกันเรื่องการถ่ายคลิปวิดีโอลงยูทูบเท่านั้น ไม่ได้คุยกันเรื่องคดีน้องชมพู่ โดยก่อนหน้านี้ตนเคยขึ้นเขาภูเหล็กไฟ 2 ครั้ง แต่ตอนนี้คดีมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ตนไม่ขอก้าวล่วงแล้ว และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนมองว่าคดีมีพิรุธหลายจุด แม้กระทั่งหลักฐานจากคลิปเสียงบุคคลในหมู่บ้าน ที่ตนเคยส่งให้ตำรวจ ก็ไม่รู้ว่าตำรวจเปิดฟังหรือไม่ ตอนนี้ตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับคดีแล้ว

นอกจากนี้ เรื่องจอมขมังเวทย์ที่มีการพูดถึงกัน ตนมองว่ามีคนที่น่ากลัวมากกว่า เพราะบุคคลนั้นเคยบวชเรียนด้านไสยเวท ส่วนพระที่ถูกอ้างนั้น อาจเป็นเพียงคนที่หวังผลประโยชน์ในตัวลุงพล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส