เจอแม่แล้ว! น้องคิว ป.4 ปั่นจักรยานเข้ากรุง เผยลูกขี้น้อยใจ พ่อยันตีเพราะรัก (คลิป)

จากกรณีโซเชียลมีเดียเผยภาพเด็กชาย ป.4 ปั่นจักรยานออกจากบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ตอนกลางคืน หวังตามหาญาติที่เรียกว่า "แม่ติ๊ก" เป็นน้องสาวของย่าที่อยู่ในกรุงเทพฯ จนมีชาวบ้านพบที่ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากบ้าน 35 กิโลเมตร จึงช่วยกันพาตัวกลับบ้าน ซึ่งเด็กระบุว่าโดนพ่อไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อน ดุด่า และตี จนเกิดความเครียด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจแม่เด็กปั่นจักรยานจากอุบลจะเข้ากรุง สุดห่วงหลังน้อยใจถูกพ่อตี (คลิป)

ล่าสุด วันที่ 3 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านของน้องคิว ต.โนนกาเล็น อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี นางนภาลัย สารีพันธ์ หรือ แม่ติ๊ก น้องสาวของย่าน้องคิว เป็นคนที่น้องคิวเรียกว่าแม่ คนที่น้องจะปั่นจักรยานมาหาที่กรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมาถึงบ้านเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

แม่ติ๊ก เปิดเผยว่า เมื่อก่อนครอบครัวน้องคิวอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อน้องคิวอายุ 3 ขวบ พ่อกับแม่แยกทางกัน ขณะนั้นพ่อน้องคิวก็เจอปัญหาชีวิตหลายอย่าง มีปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ จึงให้น้องคิวเลือกว่าจะอยู่กับใคร น้องคิวเลือกจะอยู่กับยายที่จ.อุบลราชธานี ซึ่งคุณพ่อก็ตามมาอยู่เป็นเพื่อน หลังจากนั้น ตนก็แวะเวียนมาเยี่ยมน้องคิวปีละ 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งก็จะพาน้องคิวไปเที่ยว ไปเดินห้างฯ ไปทานข้าว น้องคิวรู้สึกมีความสุขกลายเป็นความผูกพัน

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่น้องคิวอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ตนก็โทรติดต่อญาติเพื่อคุยกับน้องคิวตลอด ก่อนจะเกิดเรื่องช่วงที่โควิด-19 ระบาด น้องคิวก็เคยบอกว่าโดนพ่อตี เพราะพ่อไม่อยากให้ออกจากบ้าน น้องคิวไม่อยากอยู่กับพ่อ อยากไปอยู่กับตนที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนก็วางแผนไว้ว่าจะมารับน้องคิวช่วงปิดเทอม แต่ก็มาเกิดเรื่องก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากมาเจอน้องคิวได้พูดคุยกับคุณพ่อก็ได้ชี้แจงว่าตีลูกเพราะต้องการสั่งสอน พ่อของน้องคิวก็ไม่ได้ทำงาน คงไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ดังนั้น หลังจากนี้มีความตั้งใจว่าอยากพาน้องไปอยู่กรุงเทพฯ ได้ติดต่อโรงเรียนในกรุงเทพฯไว้แล้ว แต่ต้องรอให้ปิดเทอมเสียก่อน

นายทินวัฒน์ อายุ 33 ปี พ่อของน้องคิว เปิดใจว่า ตนเองรักลูกมาก สาเหตุที่ตี ก็เพราะอยากสั่งสอนให้เขามีระเบียบวินัย เนื่องจากตั้งเเต่เล็ก ๆ น้องคิวถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาโดยตลอด เมื่อลูกเริ่มโตและเริ่มดื้อ ในฐานะคนเป็นพ่อก็ต้องมีลงโทษลูกบ้าง

โดยในช่วงที่โควิด-19 ระบาด โรงเรียนปิดการเรียนการสอน น้องคิวจะชอบออกไปเล่นกับเพื่อน ตนก็ไม่ได้ห้าม เเต่มีกติกาว่าตอนเที่ยงต้องกลับมากินข้าวที่บ้าน เเละตอนเย็นต้องกลับบ้านไม่เกิน 17.00 น. เเต่บางครั้งลูกไม่เชื่อฟัง ตนก็ใช้ไม้เรียวฟาดก้นเพื่อให้หลาบจำ เป็นการฝึกให้เขามีระเบียบวินัย ส่วนสาเหตุที่บังคับให้ลูกเล่นเกม เนื่องจากเห็นว่าลูกมีพรสวรรค์ทางด้านการเล่นเกม เเละตอนนี้กีฬาอี-สปอร์ต ถูกบรรจุไว้ในการแข่งขันซีเกมส์ และมีการจัดแข่งขันในระดับนานาชาติ ส่วนตัวก็อยากให้ลูกเป็นนักกีฬาระดับโลก จึงให้ลูกอยู่บ้านเพื่อฝึกซ้อมทุกวัน

โดยตนเองในอดีตก็เคยลงเเข่งขันเล่นเกม พอมีทักษะและมีความสามารถ จึงเป็นคู่ซ้อมและสอนทักษะให้ลูกอย่างจริงจัง และมั่นใจว่าทั้ง จ.อุบลราชธานี ตอนนี้ หากมีการแข่งขัน "ลูกผมสู้ได้หมด" สิ่งที่บังคับลูกทำไปทั้งหมดก็เพราะความหวังดี แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้งอาจจะรุนแรงไปบ้าง ตอนนี้ก็เป็นห่วงความรู้สึกของลูก ตนเองก็ยังไม่มีงานทำ คงเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากย่าหรือแม่ติ๊กจะนำลูกผมไปดูเเล ผมก็ยินดี