กรณีนายอำเภอดงหลวง จ.มุกดาหาร ลงพื้นที่เป็นตัวกล่าวเจรจา หลังชาวบ้านลงชื่อ 43 คน ขอให้มีการขับไล่กลุ่มยูทูบเบอร์ ซึ่งตัวแทนจากที่ว่าการอำเภอ ได้เข้าสอบปากคำและนำข้อมูลไปประมวลผล โดยวันนี้ได้มีการเรียก ตัวแทนบางส่วน รวมถึงตัวแทนชาวบ้านที่ลงรายชื่อขับไล่ เข้าพูดคุยและรับฟังผล ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สัมภาษณ์นายพิทักษ์ นนทวงค์ หรือ นายจิมมี่ เจ้าของช่อง “จิมมี่ เรื่องจริง” เปิดเผยว่า กรณีการเผยแพร่คลิป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือช่องของตน ที่มีการถ่ายคลิปหลักฐานในวันที่มีการตัดไม้ข้างบ้านลุงพลเอาไว้ แล้วยังจะเป็นหลักฐานสำคัญในการที่จะตามหากลุ่มยูทูเบอร์ที่ร่วมกันตัดไม้นั้น
ส่วนตัวมีการทำเนื้อหาและความเคลื่อนไหวของลุงพล ในวันที่เห็นกิจกรรมกำลังมีการเตรียมพื้นที่ทำพญานาค และสังเกตว่าไม้ที่กำลังตัดเป็นไม้กระถินป่า แล้วตนในฐานะคนทำเนื้อหา ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร เนื่องจากเป็นการถ่ายทำวิถีชีวิตลุงพล และความเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวเท่านั้น และตนก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้
เวลา 10.00 น. ที่บ้านของลุงพล ยังคงเงียบเหงา ไม่มียูทูเบอร์มาเดินถ่ายไลฟ์สด มีแต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 4 คน แต่งกายนอกเครื่องแบบ เดินทางมาวัดขนาดของตอไม้ที่ถูกดัดแปลงเป็นฐานเก้าอี้ บริเวณจุดสร้างรูปปั้นพญานาคที่บ้านลุงพล ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลสั้น ๆ ว่า ได้รับคำสั่งให้ลงพื้นที่มาวัดขนาดตอไม้ เพื่อเก็บเป็นข้อมูลเพิ่มเติม ภายหลังจากคลิปที่นายไชย์พล วิภา และพวกร่วมกันโค่นต้นไม้และคลิปถูกเผยแพร่ไปในโซเชียลฯ
ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทีมข่าวลงพื้นที่ สำรวจจุดที่พัก ซึ่งทำเป็นกระท่อม สวนยางหลังบ้านลุงพล พบว่า ค่อยข้างเงียบเหงา เนื่องจากแต่ละช่องยังคงทำคลิปและไลฟ์สดอยู่ภายในหมู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน บางส่วนทราบข้อมูลว่า เดินทางออกนอกหมู่บ้าน กลับไปที่จังหวัดบ้านเกิด ช่วงที่ยังไม่สามารถทำคลิปเกี่ยวกับตัวลุงพลป้าแต๋นได้ แต่ยังไม่ได้มีการคืนบ้านพักให้กับเจ้าของที่ ซึ่งยังคงเก็บข้าวของเอาไว้ภายใน แต่ทีมข่าวไม่สามารถเข้าไปถ่ายบรรยากาศในหมู่บ้านได้ เนื่องจากอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล หากไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำ จะดำเนินคดีฐานบุกรุก
อีกทั้ง ยังมีรายงานว่า รายชื่อกลุ่มยูทูเบอร์ จำนวน 13 คน ที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ข้างบ้านลุงพล ไม่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเดินทางไปกลับ เพื่อหลบหนีสื่อมวลชน และการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่
กลุ่มคนที่ปรากฏอยู่ในคลิปมีดังต่อไปนี้
1.นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล เจ้าของช่อง “ลุงพลป้าแต๋นแฟมรี่”
2.นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น เจ้าของช่อง “ลุงพลป้าแต๋นแฟมรี่”
3.นายพงษ์ ไม่มีช่องเป็นของตัวเอง ทำคลิปให้ช่องลูกสาว “มะต๋อย ชาเนล”
4.นายชิด ช่อง “ชิด ปากแปล”
5.นายนิคม ช่อง “มานา สตอรี่”
6.นายเอ็ม “เอ็ม มลูนาย ชาเนล” (Mu Nine Channel)
7.นายนุ “บ่าวนุ หลานลุงพล”
8.ยังไม่ทราบข้อมูลช่องและชื่อ
9.นายอ่อ หรือ นายธนาธร ทนันไทสง ช่อง “อ่อ DIY” คนสนิทลุงพล
10.ชาวบ้านกกกอก
11.นายชาญชัย ช่อง “กินให้อ้วยรวย”
12.นายโจ้ ช่อง “โจ้ กกกอก”
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ที่เข้ามาตรวจวัดตอไม้ 4 ตอ บริเวณลานพญานาคข้างบ้านลุงพล โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการเผยแพร่คลิปลงสู่โลกออนไลน์ โดยจะมีการเอาผิดฐานร่วมกันตัดไม้ทำลายป่า และไม่มีการช่วยห้ามปราม ก่อให้เกิดการกระทำผิด
บุคคลที่อยู่ในคลิปช่อง ชาญชัย กินให้อ้วน ปรากฏว่าเป็นนายนิคมกับจ่าเอ็ม ทั้งคู่จะช่วยลุงพลโค่นต้นไม้ ซึ่งขณะนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่กกกอกแล้ว โดยนายนิคม โพสต์คลิปล่าสุดไว้เมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ส่วนจ่าเอ็ม โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค.64 ที่ผ่านมา
สำหรับนายนิคม มีช่องยูทูบที่มีผู้ติดตาม 21,400 คนแล้ว จำนวนคลิปที่เผยแพร่มากกว่า 1,200 คลิป ซึ่งคลิปล่าสุดเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 โดยมีเนื้อหากินข้าวกับเพื่อน พูดถึงสื่อที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับตัวเอง
นายพิทักษ์ นนทวงค์ หรือ นายจิมมี่ เจ้าของช่อง “จิมมี่ เรื่องจริง” บอกว่า ในวันที่มีการทำเนื้อหาลงช่องก็ไม่ใช่มีเพียงช่องจิมมี่เพียงช่องเดียว แต่ยังมีอีกหลากหลายช่อง ซึ่งก็มีสื่อหลักนำไปใช้ออกอากาศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามีมากกว่าหนึ่งช่อง ที่มีการถ่ายทำในวันดังกล่าว ซึ่งมีทั้งมุมซ้าย มุมขวาและตรงกลาง แต่ด้วยความบังเอิญช่องของตนมีความคมชัดมากกว่า จึงถูกนำไปใช้ เช่นเดียวกับรายการของทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ก็ยังมีการใช้ภาพในช่องของตนไปออกอากาศ โดยหลังจากนี้ตนเตรียมที่จะแปะโลโก้ช่องเอาไว้ หากใครนำไปใช้ก็รับผิดชอบกันเอง โดยจะเริ่มต้นใส่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อทีมข่าวสอบถามว่า การเข้าไปถ่ายทำ หรือนำเสนอการจะทำผิดตัดไม้ทำลายป่า ส่วนตัวกังวลหรือไม่ว่าจะถูกดำเนินคดี ร่วมกันหรือสนับสนุนให้มีการตัดไม้ทำลายป่า นายจิมมี่ บอกว่า เรื่องนี้ตนไม่รู้ เพราะตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย หากมีการแจ้งความดำเนินการเอาผิด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะไม่รู้เรื่อง อีกทั้งตนก็ไม่รู้ว่าคลิปดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มยูทูเบอร์หรือไม่ เพราะตนยังคงไม่รู้เกี่ยวกับการถ่ายในวันดังกล่าว ตนยืนยันว่าถ่ายด้วยความใจรัก ถ่ายเพื่อให้กลุ่มที่ติดตามช่องได้ดู ทุกครั้งที่มีการไลฟ์สดก็คือวิถีชีวิตทั่วไป ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต
นายจิมมี่ ยังบอกอีกว่า ตนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านกกกอก ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะกลับไม้ทำลายป่า เพราะคิดว่าเป็นการตัดแต่งให้เกิดความสวยงาม เป็นเพียงแค่กิ่งไม้ที่ปลูกเอาไว้เพื่อกินเพื่อใช้ เฉย ๆ ไม่มีอะไร พร้อมทั้งยังปฏิเสธว่า ลุงพลไม่ได้อยู่เบื้องหลังของการกำหนดเนื้อหาของการลงคลิปในช่องตัวเอง โดยทุกคนที่เข้ามาถ่ายทำ สามารถนำเสนอในแนวทางของช่องตัวเองได้ อยู่ที่ว่าจะมีการถ่ายทำแบบไหนให้ชัดเจนและน่าดู
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 9 เปิดเผยว่า จากความสูงของต้นกระถินป่า 14 เมตร เส้นรอบวงโคนต้น 70 ซม. กลางต้น 50 ซม. ปลายต้น 45 ซม. คำนวนค่าแล้วไม้ที่ตัดรวม 4 ต้น จำนวนรวม 1.098 ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าภาคหลวง 1.098x20 = 21.96 บาท ถ้าคิดราคา ตามบัญชี กรมป่าไม้ ปี 60 ค่าเสียหาย 1.098x17500 = 19,215 บาท (ไม้ท่อน)
ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่า โดยไม้ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีการกระทำใด ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และไม่ใช่เพียงบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิป 13 คน ที่ร่วมกันตัดไม้ทำลายป่า แต่บุคคลที่อยู่ในสถานที่หรือทำการไลฟ์สด ก็ถือว่ามีความผิดร่วมกันฐานตัดไม้ทำลายป่าเช่นเดียวกัน แต่คนที่จะมีความผิดมากกว่าคือบุคคลที่มีความผิดซึ่งหน้า
ส่วนมูลค่าความเสียหายไม้กระถินป่า 4 ต้น จัดอยู่ในประเภทไม้เบญจพรรณ เป็นไม้ที่ไม่มีมูลค่ามาก ไม่ใช่ไม้ที่ตลาดต้องการ เหมือนไม้มะค่า ไม้แดง หรือไม้ตะแบง เป็นต้น โดยไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ตลาดต้องการ จะต้องเสียค่าหลวงเฉลี่ย 80 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร และคูณด้วยอัตราการซื้อขายในตลาดกลาง ส่วนไม้ที่ไม่ได้รับความนิยม หรือไม้ที่มีมูลค่าน้อย จะเสียค่าหลวงเฉลี่ย 40 บาทต่อลูกบาศก์เมตร คูณด้วยอัตราการซื้อขายในตลาดกลาง
การคำนวณจะต้องวัดความโต หรือเส้นรอบวงที่โคน ความโตหรือเส้นรอบวงที่กลางต้น ความโตหรือเส้นรอบวงที่ปลาย เพื่อนำทั้งสามส่วนมาเฉลี่ยคิดเป็นมูลค่าของต้นไม้ แต่จะต้องคูณด้วยความสูงของต้นไม้ และหารด้วยค่ามาตรฐาน ออกมาเป็นลูกบาศก์เมตร ก่อนที่จะนำไปคูณด้วยอัตราค่าหลวง และราคาตลาดกลาง จึงจะทราบมูลค่าความเสียหายของไม้ชนิดดังกล่าว
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปเจอกับ นายนภัสสร ตะวันคำ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ภูผายล พาทีมข่าวเข้าไปสำรวจบริเวณป่า แนวเขตที่อยู่ใกล้กับภูเหล็กไฟ ในพื้นที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าภายในหมู่บ้านยังคงมีต้นกระถินป่า เติบโตสลับกับสวนยางพาราของชาวบ้าน แต่มีจำนวนไม่มาก
โดยต้นกระถินป่าที่นายนภัสสร พาทีมข่าวไปดูนั้น เป็นต้นที่มีอายุพอ ๆ กับข้างบ้านลุงพล ที่เพิ่งโดนตัดไป โดยมีความสูงประมาณ 14-15 เมตร ความโตอยู่ที่ประมาณ 20 ปี เส้นรอบวงประมาณ 70 ซม. เป็นต้นที่มีอายุใกล้เคียงกับที่ถูกตัดไป
นายนภัสสร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เดิมทีต้นกระถินป่าไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในพื้นที่หมู่บ้าน แต่เนื่องจากเคยเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ประกอบกับบนภูกะโล้น ซึ่งหมายถึงภูเขาที่โล้นไม่มีต้นไม้ ในช่วงที่ป่าไม้นำเครื่องบินขึ้นบินเหนือพื้นที่อำเภอดงหลวง ได้นำเมล็ดพันธุ์ของกระถินป่า ขึ้นไปโปรยทางอากาศ กระทั่งทำให้ภูเขาในย่านนี้มีต้นไม้สีเขียวเกิดขึ้น และจะมีเมล็ดพันธุ์บางส่วนที่ลอยตามอากาศ ไปตกตามพื้นที่ทั่วหมู่บ้าน จึงทำให้เห็นต้นไม้ชนิดกระถินป่าเติบโตอยู่
แต่กรณีที่ต้นไม้งอกออกเป็นคู่ ไม่ได้หมายถึงว่าเมล็ดตกอยู่ใกล้กัน แต่เกิดจากช่วงที่มีการโปรยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน อาจถูกชาวบ้านหรือใครบางคนแอบตัดไปก่อน ต้นไม้จึงงอกออกมาเป็น 2 กิ่ง และเติบโตเป็นลักษณะคู่เหมือนเช่นปัจจุบัน ซึ่งธรรมชาติของต้นไม้ เวลาเติบโตจะเป็นเพียงต้นเดียว ไม่แตกคู่ออกมาเหมือนต้นที่ลุงพลตัด ดังนั้นหมายความว่าต้นไม้ที่จะแตกออกมาเป็นคู่ ต้องเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่ามาก่อน แต่แม้ว่าต้นไม้จะถูกตัดก่อนหรือหลัง หรือเติบโตภายหลังที่ถูกตัด ก็ถือว่ามีความผิดตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่อุทยานและป่าไม้ทั้งหมด
