หนุ่มกระทืบยามฉุน ถูกโซเชียลด่าแม่ แฉยามชิงทอง 3 บาท ทำไมไม่ประณามบ้าง (คลิป)

จากกรณีโลกโซเชียลเผยแพร่คลิปวีดีโอ ชายกลุ่มหนึ่งเข้าไปรุมชกต่อยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนที่จะหลบหนีไป หลังจากนั้นชายรายดังกล่าว ทราบภายหลังว่าทำสร้อยคอทองคำ 3 บาทหล่นหายในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 20.00 น.

วันนี้ (22 พ.ค.) ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายโชติพัฒน์ จันจาด อายุ 40 ปี ชายคนแรกที่เข้าไปต่อย รปภ.ในคลิปวีดีโอ โดยเล่าว่า วันเกิดเหตุตนดื่มสุรากับเพื่อนจนเมามาก จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยตนขับรถกระบะกลับมาคนเดียว ขณะที่ขับรถกลับบ้านตนผ่านหมู่บ้านดังกล่าว และขับรถชนเข้ากับไม้กั้นตรงทาง เข้า-ออก หมู่บ้าน แต่เมื่อตนขับผ่านไม้กั้นมาก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับตามมา และบอกตนว่าได้ขับรถชนไม้กั้น ตนจึงตอบไปว่า ตนทราบแล้วแต่ตนเมามาก จึงจะกลับบ้านก่อนและจะมาชดใช้ค่าเสียหายให้ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งรถเก๋งคันนั้นก็เข้าใจ

จากนั้น รปภ. หน้าหมู่บ้านก็วิ่งเข้ามาหาตน และด่าว่าด้วยอารมณ์ รวมทั้งมีการใช้คำหยาบ แต่ตนไม่แน่ใจว่าพูดว่าอะไร จำได้แต่ว่าทำให้ตนโกรธมาก ตนจึงขับรถกระบะมาจอดไว้ที่บ้าน จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ กลับไปที่ป้อมยามและตรงเข้าไปต่อย รปภ. คนดังกล่าว ขณะนั้น ลูกน้องตนเห็นตนเมามากจึงตามมาช่วย แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้รุม ไม่ได้ใช้อาวุธ ไม่ได้มีเจตนาให้ถึงตาย เพียงแค่ต้องการสั่งสอนเท่านั้น และยืนยันว่า แม้จะเมามาก แต่ขณะที่เข้าไปต่อย รปภ. ตนไปด้วยความตั้งใจไม่เกี่ยวกับความเมา ทั้งนี้ตนไม่มีเรื่องชกต่อยมาประมาณ 20 ปีแล้ว นายโชติพัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนกลับมาถึงบ้าน ตนก็ไม่มีสติ ก่อนหลับไป และมารู้สึกตัวอีกทีตอนรุ่งเช้าแล้ว โดยภรรยาบอกตนว่าสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ที่ตนใส่ นั้นได้หายไป ซึ่งภรรยาจึงได้ไปแจ้งความไว้ จากนั้น ตนได้ไปขอดูกล้องวงจรปิด จนพบว่า รปภ.คนดังกล่าว คว้าสร้อยคอทองคำที่ตนทำตกไว้ไป ทั้งที่ยังไม่หมดเวลาการทำงาน เมื่อตนกับลูกน้องได้เข้าไปถามหา รปภ.คนดังกล่าว ก็ไม่พบตัว คาดว่าหลบหนีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายโชติพัฒน์ ฝากไปถึงคนที่ด่าว่าตนที่ไปทำร้าย รปภ. ในโลกออนไลน์ โดยด่าไปถึงบุพการี ตนอยากให้แยกแยะ เพราะคนที่ผิดคือตนคนเดียว บุพการีของตนไม่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตนไปต่อย รปภ. ตนรู้ว่าตัวเองผิด โดยตอนนั้นยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่ แต่ตนก็ไม่ได้เอาเรื่องสร้อยทองที่หายไปมากลบเกลื่อนความผิดตัวเอง เพราะถือว่าเป็นคนละประเด็นกัน ขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดเรื่องทอง เพียงแค่ไปลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น