ชายปริศนาเปิดปากโดนจับเท็จ 2 รอบ ผู้รู้ฟันธงใกล้ปิดคดี พยานลุงพลแห่ถอนตัวไม่ยุ่ง (คลิป)

29 ม.ค. 64

กรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ติดต่อให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้ามาช่วยดูแลคดี หากถูกตำรวจออกหมายจับ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

777385

ล่าสุดวันที่ 28 ม.ค.64 หลังจากลุงพล และป้าแต๋น ได้พาทีมทนายแถลงข่าวกรณีถูกตั้งข้อหาบุกรุกป่าสงวน ลุงพลก็ได้เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน โดยไทม์ไลน์วันนี้ของลุงพลตั้งแต่ เวลา 08.30 น. ลุงพลมาเดินดูอยู่แถวรูปปั้นพญานาค

เวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็มาปักป้ายตรวจยึดพื้นที่ โดยที่ลุงพลก็ออกมาพูดคุยและต้อนรับ หลังจากนั้นก็เดินอยู่บริเวณบ้าน

เวลา 11.00 น. ลุงพลตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมกับป้าแต๋นและทนาย ซึ่งหลังจากแถลงเสร็จ ลุงพลก็ทำกิจวัตรส่วนตัวและเก็บตัวอยู่ในบ้าน

เวลา 13.00 น. ป้าแต๋นได้เดินทางด้วยรถกระบะออกจากบ้าน ซึ่งมีญาติเป็นคนขับ ส่วนลุงพลยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้าน

เวลา 17.00 น. ป้าแต๋นเดินทางกลับมาที่บ้านและกลับเข้าบ้านไปทันที ส่วนลุงพลก็เก็บตัวอยู่ในบ้านทั้งวันไม่ออกจากบ้าน

646451

นอกจากนี้ ยังมีผู้ชายที่เข้าเครื่องจับเท็จ และมี 1 คนมีการเต้นของหัวใจจนกราฟขึ้นสูง แต่ตำรวจยังไม่ระบุว่าเป็นใคร ซึ่งในจำนวนผู้ชายที่เข้าเครื่องจับเท็จนั้น ได้แก่ น้าแต นายอนามัย นายเสริม นายไชย์พล ด.ช.ก๊วยเจ๋ง ครูบารัตน์ พระบุญมา และพ่อแบม

607606

ส่วนความหมายเส้นกราฟบนเครื่องจับเท็จ 1.อัตราการหายใจ 2.การเปลี่ยนแปลงกระแสคลื่นไฟฟ้าที่ชั้นผิวหนังจากปริมาณเหงื่อที่ปลายนิ้ว และ 3.ความดันโลหิตอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้งนี้มี 1 คนที่ถูกเรียกเข้าเครื่องจับเท็จ 2 ครั้ง 

903497287961

ไทม์ไลน์ลุงพล วันที่ 11 พ.ค.63 เปลี่ยนไป หลังจากป้าถอน อดีตเพื่อนซี้ ไม่ยืนยันเวลาตามเดิมที่เคยให้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้ โดยเวลาจะเริ่มตั้งแต่ 08.20-09.00 ป้าแต๋น และแม่ของน้องชมพู่ จะอยู่ที่สวนยาง จากนั้น 09.00-10.00 น. ป้าแต๋นกลับถึงบ้าน และออกไปที่วัดภูผาแอก จ.มุกดาหาร ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 2 กม. กระทั่งเวลา 10.00-10.20 น. เป็นช่วงที่ไปรับพระ และรับป้าถอน ลุงพลจะมีเวลา 1 ชม.

964398

เมื่อทีมข่าวทดสอบ เวลาของลุงพลที่ไปส่งพระ จากสวนยางไปบ้านลุงพล ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์ จะให้เวลา 10 นาที และจากบ้านลุงพลไปวัดภูผาแอก ด้วยรถยนต์ จะใช้เวลา 4.34 นาที รวมเวลา 14.34 นาที

ทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับนางวงค์ ปู่ฝ้าย หรือป้าวงค์ อายุ 54 ปี พยานที่เห็นลุงพลในวันที่รับพระภายในวัดภูผาแอก กำลังจะเดินทางไปส่งที่ตัวเมืองมุกดาหาร โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มที่นั่งด้วยกันอยู่หน้าซุ้มวัด เห็นรถกระบะลุงพลรับพระออกมา แล้วยังมีการชักชวนเพื่อจะให้ไปส่งพระด้วยกัน

816850

นางวงค์ พยานที่เห็นลุงพล เปิดเผยว่า ตนได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว และได้มีการเชิญตัวไปสอบปากคำในช่วงแรก เกี่ยวกับช่วงเวลาไทม์ไลน์ของลุงพล ตนยืนยันว่าพบเห็นลุงพลออกมาจากวัด และชักชวนเพื่อให้ไปส่งพระจริง แต่เรื่องของช่วงเวลาตนเคยให้ปากคำไปแล้วในสำนวนตอนแรก หากมาย้อนถามวันนี้ตนก็จำไม่ได้ว่าเห็นลุงพลในช่วงเวลากี่โมง ดังนั้นหากจะรื้อหรือสอบถามก็ให้ไปถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้รับผิดชอบคดี หรือไปเปิดอ่านในสำนวน 

แต่กรณีที่ทนายต้องการให้พยานบางคนที่เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับไทม์ไลน์ลุงพล แล้วถูกบรรจุเอาไว้ในสำนวน แต่ไม่ได้เข้าเครื่องจับเท็จหรือเป็นพยานสำคัญให้กับฝั่งของลุงพล ออกมาเป็นพยานให้กับลุงพลหากกรณีถูกออกหมายจับ นางวงค์ บอกว่า ตนยอมเป็นพยานในช่วงแรกที่พอจะจำความได้ และให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว แต่วันนี้ตนจำไม่ได้ว่าพูดคุยอะไรกับลุงพล และในช่วงเวลาใด หากต้องการที่จะให้ไปเป็นพยาน ตนขอปฏิเสธ เพราะจำไม่ได้ ด้วยเวลาที่ผ่านไปนาน ประกอบกับความหลงลืมของตน จึงขอไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่เป็นพยานให้กับลุงพล

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของน้าเสริม แต่เจ้าตัวไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์และให้บันทึกภาพ เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้คดีเกิดความยุ่งยาก แล้วกระแสสังคมจะตีกลับ มาตรวจสอบและสงสัยในตัวของน้าเสริม

616472

น้าเสริม ให้มูลสั้น ๆ ว่า ทุกอย่างได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว ขอยังไม่เปิดเผยอะไรในตอนนี้ แต่เชื่อว่าคดีใกล้จะสิ้นสุด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างรอบด้าน หากมีการออกหมายจับและดำเนินคดีกับคนร้ายได้ พร้อมที่จะให้ข้อมูลในฐานะญาติของน้องชมพู่อย่างเต็มที่

780845

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของน้าเสริม-น้าต่าย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.00 น. ได้ออกจากบ้านไปเกี่ยวหญ้าวัว จากนั้นเวลาประมาณ 09.00-ช่วงเย็น ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านไม่ได้เดินทางออกไปไหน ซึ่งอาศัยอยู่กับลูกชาย (ด.ช.ก๋วยเจ๊ง) ส่วนน้าต่าย ทำความสะอาดเก็บกวาดอยู่ที่บ้าน

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปพูดคุยกับนางฉลวย เชื้อคมตา อายุ 61 ปี ในฐานะพยานของน้าเสริม ที่เคยออกมายืนยันว่า พบเห็นน้าเสริมและน้าต่าย เกี่ยวหญ้าให้วัวอยู่ข้างบ้านผู้ใหญ่บ้าน ช่วงเวลาประมาณ 08.00-09.00 น.

486813

นางฉลวย เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวตนเดินทางกลับมาจากขุดหน่อไม้พร้อมกับสามี เห็นน้าเสริม-น้าต่าย กำลังจะลงไปเกี่ยวหญ้าเพื่อเอาไปให้วัว โดยสองผัวเมียได้พับกระสอบปุ๋ยสีขาวเหน็บไว้ที่รักแร้คนละ 1 ใบ ในมือถือเคียวเกี่ยวหญ้า และจอดรถมอเตอร์ไซค์พ่วงเอาไว้ด้านบน ซึ่งในรถไม่ได้มีของบรรจุหรือใส่เอาไว้ และไม่พบเห็นว่าทั้งคู่มาพร้อมกับเด็กแต่อย่างใด ตอนนั้นตนเดินผ่านและทักทายพูดคุยกับน้าเสริมว่า “ทำไมไม่เอาเครื่องมาเกี่ยวหญ้าจะได้ไว ๆ” จากนั้นก็เดินผ่านบริเวณจุดที่เกี่ยวหญ้า และกลับมาที่บ้านเพื่อกินข้าว

หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ทันสังเกตว่า น้าเสริม-น้าต่าย เกี่ยวหญ้าเสร็จและขี่รถผ่านหน้าบ้านเวลากี่โมง ซึ่งหลังจากที่ตนทานข้าวเสร็จได้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเสียงตามสายใช้การไม่ได้เนื่องจากไฟดับ เวลาประมาณ 11.00 น. ทราบว่าน้องชมพู่หายไป ตอนนั้นน้าเสริมก็ช่วยกันออกตามหาน้องชมพู่ ประกอบกับกำลังติดต่อกับหมอดูร่างทรงเพื่อให้เข้ามาทำพิธีตามหา โดยตนยืนยันว่าเป็นหนึ่งในพยานที่พบเห็นน้าเสริม-น้าต่าย มาทำการเกี่ยวหญ้าให้วัวจริง

นางฉลวย บอกว่า หากน้าต่ายหรือน้าเสริม เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ ตนก็ยังคงยืนยันที่จะเป็นพยานให้กับน้าเสริม เพราะในช่วงแรกตนได้ยืนยันให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว และมีการสอบปากคำบันทึกเอาไว้ในสำนวน แต่ขอไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน เพราะเวลาผ่านไปนานจริงจำไม่ได้ แต่หากย้อนกลับไปในวันนั้นได้มีการระบุวันเวลาที่ชัดเจนทั้งหมดแล้ว 

795186

กรณีมีข้อมูลว่ามีบางบุคคลจะต้องเข้าเครื่องจับเท็จเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่นั้น น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กล่าวว่า การเข้าเครื่องจับเท็จไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยนัก ยกเว้นในคดีใหญ่ ๆ ซึ่งปกติเครื่องจะตรวจจับคลื่นหัวใจ คลื่นสมอง ชีพจร เหงื่อ การหายใจ โดยหากเมื่อผู้เชี่ยวชาญสรุปผลแล้วว่า บุคคลที่เข้าเครื่องจับเท็จนั้นผิดปกติ ก็จะสามารถอนุมานได้ว่าบุคคลนั้นโกหก

873619

การเข้าเครื่องจับเท็จครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่เกิดจาก 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลเพิ่มเติม จึงอยากจะถามบุคคลนั้นเพิ่มเติม หรือ 2.เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการที่จะยืนยันข้อมูลอย่างหนักแน่นอีกครั้งกับบุคคลคนนั้น ๆ เพื่อสรุปคดี

น.พ.สิทธา กล่าวย้ำว่า การเข้าเครื่องจับเท็จครั้งที่ 2 หากบุคคลนั้นพูดจริง ผลจะเหมือนเดิม แต่บุคคลนั้นพูดโกหก ผลสรุปย่อมจะไม่เหมือนเดิม เนื่องจากคนที่โกหกนั้นไม่มีทางที่จะจำคำตอบของคำถามปลายปิดและปลายเปิดของเจ้าหน้าที่ได้ที่ตอบไปในครั้งก่อนได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส