รวบแก๊งโกง "เราเที่ยวด้วยกัน" ชัยภูมิ-ภูเก็ต รวม 50 ราย รัฐเสียหาย 100 ล้านบาท

27 ม.ค. 64

ผบ.ตร. นำทีมเเถลงข่าว กวาดล้างขบวนการทุจริตโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" จับผู้ต้องหากว่า 50 ราย รวมความเสียหายของรัฐ 100 ล้านบาท 

วันนี้ (27 ม.ค.64 )เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.เเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งโต๊ะเเถลงข่าวกรณีกวาดล้างขบวนการทุจริตโครงการ"เราเที่ยวด้วยกัน” มีการจับกุมผู้ต้องหากว่า 50 ราย

การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากโครงการ"เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งเป็นมาตราการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม เเต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งได้หาช่องทางทุจริตจากโครงการดังกล่าว

vlcsnap-2021-01-27-14h27m56s2
จากการสืบสวนของกองบังคับการปราบปราม ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ เเละ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจที่กระทำการเข้าข่ายทุจริตหลายรูปเเบบ เช่น เปิดให้มีการจองห้องพัก เเต่ไม่มีการเข้าพักจริง, นำคูปองที่ได้หลังจากเช็คอินห้องพัก ไปสเเกนใช้จ่ายกับร้านค้าเเต่ไม่มีการซื้อสินค้าจริง บางโรงเเรมมีที่ตั้ง ลงทะเบียนถูกต้องเเต่ยังไม่เปิดให้บริการ กลับมีการเปิดให้จองห้องพัก หรือมีการตั้งราคาจองห้องพักไว้เเพงเกินจริง หวังกินส่วนต่างราคาส่วนลด

จุดหลักๆ อยู่ที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ท ชุดปฏิบัตินํากําลังเข้าค้นพบผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 41 ราย 38 จุด แบ่งเป็นเจ้าของโรงแรม 1 ราย เจ้าของร้านค้า 22 ราย คนกลางผู้รวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ 14 ราย ผู้รับจ้างเปิดบัญชี 3 ราย ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรมอีก 1 ราย ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ และศรีษะเกษ

สรุปผลการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหารวม 36 ราย พฤติการณ์พบมีการลงทะเบียนเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้สิทธิโครงการ จํานวน 9,263 ราย ยอดจองห้องพัก 92,028 ห้อง เฉลี่ย 1,000-3,000 ห้องต่อวัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยังพบว่ากว่าร้อยละ 99 ของการจองห้องพัก 1 คน จะจอง 10 ห้องเต็มทุกครั้ง และเวลาในการเช็คอินและเช็คเอาท์ทับซ้อนไม่สัมพันธ์กัน

นอกจากนี้ยังพบว่าคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินห้องพักที่ใช้สําหรับสแกนจ่ายกับร้านค้าที่เข้าโครงการ มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ รวมมูลค่าความเสียหาย ในส่วนของโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ทรวม 14 ล้าน และร้านค้าที่ร่วมกระทําผิดจํานวน 101 ร้าน ความเสียหายประมาณรวม 87 ล้านบาท

vlcsnap-2021-01-27-14h28m12s1

อีกจุดหลักคือที่โรงแรมธาราป่าตอง จ.ภูเก็ต จับผู้กระทำผิดได้ 14 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิหรือสวมสิทธิ ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม และยังมีประชาชนที่ร่วมทุจริตรวมกว่า 800 คน ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มนี้พบว่าโรงแรมจะร่วมกับผู้จัดทัวร์เชิญชวนประชาชน หากจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ 3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริงผู้จัดทัวร์กิจกรรม ให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม ให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังการเช็กอินห้องพัก มาสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า 2 แห่งที่สมคิดกันไว้ พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท 

ทั้งนี้พบว่าผู้ต้องหามีการกระทําเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิตามหาซื้อสิทธิในโครงการ โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เสียก่อน หลังจากนั้นผู้ซื้อสิทธิจะนําเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดําเนินการจองโรงแรมและใช้คูปอง

อีกวิธีหนึ่งคือ จะนําเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไป ขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการดังกล่าวแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่งที่คอยทําธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิ ทําการเช็คอินตามห้องพักที่ได้ทําการจองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนําคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุม

vlcsnap-2021-01-27-14h28m16s1

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ