จากกรณีเมื่อกลางดึกของวันที่ 21 ม.ค. 64 คนร้ายชายได้ใช้อาวุธมีดขูดชาร์ปปักหลังนางศกุลตลา อายุ 56 ปี ภรรยาของนายทหารยศนายพัน บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลแสงทอง ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะใช้แรงที่เหลืออยู่หนีขึ้นรถยนต์ แล้วรีบขับออกมาที่หน้าป้อม รปภ. หน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1.3 กม. เพื่อขอความช่วยเหลือ
ล่าสุด วันที่ 23 ม.ค. 64 นายณรงค์เดช เจนชล เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิมหากุศลใต้เต็กเซี่ยงตึ๊ง ผู้ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 21 ม.ค. ตนได้รับแจ้งเหตุในช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ขณะนั้นผู้บาดเจ็บเข้าสู่ภาวะอาการซึม เรียกหรือถามอะไรก็ไม่ตอบ เนื่องจากเสียเลือดมากจากการถูกแทงหลายแผล
โดยเท่าที่ตนสังเกต ตนสังเกตเห็นแผลจุดใหญ่ 3 จุด ได้แก่ แขนขวา 2 จุด แผลถูกมีดแทงลึกประมาณ 1-3 เซนติเมตร และ บริเวณหลังที่ถูกมีดขูดชาร์ปปักคาอยู่ แผลลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ตนได้รีบห้ามเลือด โดยการอุดปากแผลที่แขนและหลัง จากนั้นได้นำตัวผู้บาดเจ็บนอนคว่ำบนเปล แล้วรีบพาตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางผู้บาดเจ็บมีอาการทรุดหนักลง ตนจึงได้ประสานไปยังรถพยาบาลให้มารับตัวผู้บาดเจ็บกลางทาง
ภายหลังตนทราบว่าเมื่อรถพยาบาลส่งผู้บาดเจ็บเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ผู้บาดเจ็บมีภาวะหัวใจหยุดเต้น จนแพทย์ต้องปั๊มหัวใจ 30 วินาทีจนฟื้น ไม่นานนักผู้บาดเจ็บอาการก็ทรุดหนักจนแพทย์ต้องปั๊มหัวใจอีกครั้งนานกว่า 1 นาที ขณะนี้อาการยังสาหัส แพทย์ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรง หากเจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือทีมแพทย์ปฏิบัติงานช้ากว่านี้อีกเพียงนาทีเดียว ผู้บาดเจ็บก็อาจจะเสียชีวิตได้
จากข้อมูลทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้ออกไปทำธุระที่ อ.ร่อนพิบูลย์ และอ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ขณะเดินทางกลับบ้านพักข้าราชการกลาโหม อ.เมืองนครศรีธรรมราช คนร้ายได้โทรศัพท์หาผู้บาดเจ็บอ้างว่าสามีฝากของมาให้ โดยนัดพบกันบริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาล เมื่อผู้บาดเจ็บเดินทางไปถึงและจอดรถ ลงมาพูดคุยกับคนร้ายที่สวมชุดกีฬาแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดใกล้ ๆ แต่คนร้ายได้จู่โจมใช้อาวุธมีดแทงผู้บาดเจ็บบริเวณคอ ลำตัว ก่อนจะใช้มีดขูดชาร์ปแทงซ้ำบริเวณหลัง แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งปมสาเหตุการประทุษร้าย จากปัญหาในครอบครัวและเหตุชู้สาว ส่วนรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อตรวจสอบหาพยานหลักฐานประกอบคดี
ทีมข่าวเดินทางมายังที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาล บริเวณทางโค้งถนน จากการสอบถามภารโรงของโรงเรียนที่เฝ้าเวรกะดึก ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์
นายปรีชา คำงาม อายุ 59 ปี รปภ.ประจำป้อมรถหน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) เล่าว่า ผู้บาดเจ็บได้ขับรถมาจอดบริเวณหน้าป้อมยามอย่างช้า ๆ พร้อมเปิดกระจกด้านข้างคนขับ ตะโกนออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย "ช่วยพี่ด้วย พาพี่ไปโรงพยาบาลที" ซึ่งขณะนั้นตนคิดว่าผู้บาดเจ็บน่าจะหน้ามืด แต่เมื่อเดินไปตรวจสอบใกล้ ๆ ตนก็รู้สึกตกใจเมื่อพบเห็นว่าผู้บาดเจ็บเสื้อตัวอาบไปด้วยเลือด มีแผลถูกแทงบริเวณแขน คอ และอก มีมีดขูดชาร์ปปักอยู่กลางหลัง
ตนได้รีบเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับผู้บาดเจ็บ ตนได้สอบถามผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม ซึ่งผู้บาดเจ็บบอกเพียงว่ามีปัญหาที่สามแยกหน้าโรงเรียน จากนั้นไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึงนำตัวของผู้บาดเจ็บที่อ่อนแรงนอนคว่ำลงบนเตียงนำตัวส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ ตนคิดว่าเหตุการณ์นี่ค่อนข้างที่จะโหดร้าย จึงอยากจะวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดคดีให้ได้โดยไว
ด้านลูกชายของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ขณะนี้อาการของคุณแม่ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มได้สติกลับคืนมา แต่ยังคงมีอาการอ่อนเพลีย และยังไม่สามารถพูดตอบโต้อะไรได้ เนื่องจากยังคงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ หากต้องการจะสื่อสารต้องใช้วิธีการเขียนข้อความลงบนกระดาษ โดยบริเวณที่เกิดเหตุเป็นถนนเปลี่ยว เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณแม่อาจจะถูกชิงทรัพย์ โชคดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ คาดว่าประมาณ 20-30 วัน น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ ตนและครอบครัวค่อนข้างรู้สึกตกใจ เนื่องจากไม่มีใครทราบสาเหตุของการก่อเหตของคนร้าย เพราะคุณแม่ไม่มีศัตรู