เมื่อวันที่ 21 ม.ค.64 โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพหนุ่มส่งอาหารร้านหนึ่ง ในสภาพบาดเจ็บ รถมอเตอร์ไซค์ล้ม พร้อมกับระบุข้อความว่า "แค่จอดรอรับของจะเอาไปส่ง ปล่อยหมาออกมากัดยังไม่พอ คนเป็นลูกมาจากไหนไม่รู้ ขี่มอเตอร์ไซค์ชนกระเด็น น่าสงสารเด็กคนนี้ ขยันหาเช้ากินค่ำ นิสัยก็ดี อย่างนี้ ต้องฟ้องให้เข็ดคนใจดำ"
โดยหลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียลฯ ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และต่อว่าฝั่งผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมาก พร้อมกับแชร์และส่งต่อกันอย่างกว้างขวาง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นย่านพระราม 9
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับนายชัชวาล สิงห์ทองล่าง อายุ 40 ปี หนุ่มส่งอาหารผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า คู่กรณีคือ นางโสภา บุษบา ป้าเจ้าของหมา และลูกชายคนโตที่ขี่รถจักรยานยนต์ชนตน (ป้ามีลูกชาย 2 คน)
เริ่มจากวันที่ 18 ม.ค.64 ตนได้ไปรอรับออเดอร์ แถวบริเวณจุดเกิดเหตุ ใกล้กับ รพ.พระรามเก้า ซึ่งเป็นจุดประจำที่ตนจะไปรอรับออเดอร์กับกลุ่มเพื่อนแกร็บ แต่ในวันนั้นลูกชายคนเล็กของนางโสภา และนายหนุ่ม เพื่อนของตนได้มีปากเสียงกัน ตนก็ไม่ทราบว่ามีปัญหากันเรื่องอะไร
ขณะนั้นลูกชายคนเล็กของนางโสภา ทำทีเหมือนจะเดินเข้ามาชกนายหนุ่ม ตนที่เห็นว่าขณะนั้นพวกของตนนั่งกันอยู่ประมาณ 4-5 คน แต่ลูกชายของนางโสภา มาคนเดียว เลยเกรงว่าจะถูกรุมทำร้าย ตนเลยเข้าไปดึงลูกชายของนางโสภาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย
ต่อมาวันที่ 19 ม.ค.64 ตนบังเอิญได้ไปรับออเดอร์ กับลูกค้าให้นำอาหารไปส่ง ซึ่งจุดรับอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าวพอดี นางโสภา ที่เปิดร้านขายน้ำอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเห็นตน จึงเดินเข้ามาต่อว่าด้วยคำหยาบคาย จับใจความได้ว่า "คราวหลังถ้าเจอเหตุการณ์ว่า ลูกชายคนเล็กของนางโสภา จะทะเลาะวิวาทกับใครก็ไม่ต้องเข้าไปห้าม" ก่อนที่นางโสภา จะวิดีโอคอลหาลูกชายคนโต (ผู้ก่อเหตุ) และยื่นโทรศัพท์เข้ามาใกล้ที่หน้าของตน ตนจึงต้องพยายามปัดป้อง ทำให้มือไปถูกบริเวณใบหน้าของ นางโสภา จึงเข้าใจว่าตนชกหน้า จึงพยายามไปหยิบถ้วยแก้ว จะมาฟาดใส่ตน
ทั้งนี้ตนจึงได้ใช้มือพยายามปัดป้องเพื่อไม่ให้ถูกทำร้าย แต่ในขณะสุนัขของนางโสภา วิ่งพุ่งตรงเข้ามากัดเข้าที่บริเวณหัวเข่าด้านขวาของตนอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะมีชาวบ้านบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาห้าม แล้วบอกให้ตนออกจากบริเวณบ้านของนางโสภาไปก่อน ตนจึงออกมานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่อยู่ห่างจากบริเวณบ้านของนางโสภา ประมาณ 50 เมตร เพื่อทำแผลที่ถูกมากัด แต่ไม่นานกลุ่มเพื่อนของตนก็มาบอกว่า นางโสภา จะเดินทางไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน ตนจึงออกมายืนบริเวณริมถนน เพื่อที่จะชวนกลุ่มเพื่อนไปแจ้งความดำเนินคดีเหมือนกัน
แต่จู่ ๆ ลูกชายคนโตของนางโสภา ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็วพุ่งชนเข้าบริเวณด้านหลังของตนอย่างแรงจนกระเด็นล้มสลบลงกับพื้น กลุ่มเพื่อนและชาวบ้านจึงช่วยกันประสานเจ้าหน้าที่นำตนส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นตนได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกนิ้วเท้าขวาแตก-หัก บริเวณหัวเข่าขวาถูกหมากัด และปวดที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายจากแรงกระแทก ส่วนตัวสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจและรู้สึกโกรธ ที่ลุกชายป้าไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุ คงจะเข้าใจว่าตนไปทำร้ายแม่เขา จึงมาก่อเหตุดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนางโสภา แต่อย่างใด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน และจะขอดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุเป็นการก่อเหตุที่จงใจคล้ายพยายามฆ่า หลังก่อเหตุทางคู่กรณีไม่ได้มากล่าวคำขอโทษ หรือมาเจรจาอะไรกับตน ทั้งนี้ตนอยากให้ทางฝั่งคู่กรณีมารับผิดชอบค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลที่ตนต้องเสียไป อีกทั้งต้องพักฟื้นรักษาตัวอีกนาน ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถไปวิ่งรถรับส่งสินค้าได้
นางโสภา บุษบา ป้าเจ้าของหมา เปิดเผยว่า ลูกชายคนโตของตน นายวิทูล ถึกมี อายุ 33 ปี ขณะเกิดเหตุตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน และไม่ได้ต้องการที่จะมีปัญหากับทางคู่กรณี โดยในวันเกิดเหตุ ตนเห็นคู่กรณีมารับออเดอร์ที่บริเวณใกล้บ้าน จึงจำได้ว่าเป็นฝ่ายคู่กรณีที่เคยมีปัญหากับทางลูกชายคนเล็ก
ทั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่าคู่กรณีทำร้ายลูกชายตน หรือเป็นคนเข้ามาห้าม ตนจึงเข้าไปพูดคุยด้วยประมาณว่า ถ้าคราวหลังลูกชาย ตนมีปัญหาก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง หรืออย่ามาหาเรื่องลูกชายตน แต่ทางคู่กรณีกับพูดไม่ดีประมาณว่า "ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า จะทำไม" ตนก็พยามอธิบายว่า ตนไม่ได้มาหาเรื่องแค่จะมาสอบถามตักเตือน ด้วยความโมโหตนจึงตอบกลับไปว่า "แล้วจะทำไมล่ะ" ทำให้คู่กรณีเกิดความไม่พอใจและพุ่งเข้ามาต่อยเข้าที่บริเวณใบหน้าของตน จึงต้องวิดีโอคอลหาลูกชายคนโต เพื่อให้ลูกชายคนโตดูหน้าคู่กรณีที่ทำร้าย
ก่อนคู่กรณีจะตัดโทรศัพท์ของตน จนมีชาวบ้านที่เหตุการณ์เข้ามาแยกตนกับคู่กรณี ซึ่งตนยืนยันได้ว่าขณะนั้นไม่ได้มีหมาของตนไปกัดคู่กรณีแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ลูกชายของตนขี่รถจักรยานยนต์ชนคู่กรณี ก็เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ได้ตั้งใจ ตนจึงอยากออกมาชี้แจงสังคมให้เข้าใจ และอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนด้วย เนื่องจากทางฝ่ายคู่กรณีให้การเท็จ และไม่พูดความจริง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวิทูล ถึกมี อายุ 33 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ชนผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไปพุ่งชนคู่กรณีจนได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ตั้งใจจะขี่รถไปจอดเพื่อพูดคุยเท่านั้น แต่เกิดข้อผิดพลาดทำให้รถจักรยานยนต์เบรกไม่อยู่ เลยพุ่งชนกับทางคู่กรณี ซึ่งขณะนั้นตนก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน เนื่องจากรถจักรยานยนต์ได้ล้มลงกับพื้นถนน
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่า ตนต้องการจะไปคุยเพราะทางคู่กรณีได้ทำร้ายแม่ของตนก่อน จนร่างกายบวมช้ำ ตนจึงยอมไม่ได้ที่มีคนมาทำร้ายแม่ของตน สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ตนคิดว่าคู่กรณีก็ทำเกินไป ดังนั้นตนก็จะขอดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุดเหมือนกัน เพราะคู่กรณีก็ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไม่เป็นความจริง ตนและแม่จึงอยากออกมาขอความเป็นธรรมด้วย
