เจอหลักฐานคดีชมพู่! ชายปริศนาเข้าป่า "พ่อแบม" ชี้ลุงพลเครียดพยานพบตำรวจ (คลิป)

19 ม.ค. 64

กรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

708074

ล่าสุดวันที่ 19 ม.ค.64 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี ตำรวจได้เชิญตัวบุคคลสำคัญในคดี 2 คน ได้แก่ นางดอน มะลิรส และนางส้มโอ (นามสมมติ) ชาวบ้านกกตูม ซึ่งเป็น 2 ใน 6 คนที่ถูกเชิญเข้าเครื่องจับเท็จ ในคดีน้องขมพู่

948533

โดยแบ่งเป็นวันละ 2 คน ๆ ละ 2-4 ชั่วโมง ด้วยคำถามยังคงเป็นคำถามปลายปิด “ใช่-ไม่ใช่” และ “จริง-ไม่จริง” ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นคิวของ พระอาจารย์บุญมา เจ้าอาวาสวัดถ้ำภูผาเเอก และพระสุรัตน์ ถิรวชิโร หรือ ครูบารัตน์ ขณะที่พ่อแบม หรือ นายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว และด.ช.ก๊วยเจ๋ง ลูกชายน้าเสริม จะเข้าเครื่องจับเท็จต่อเป็นคิวสุดท้าย ในวันที่ 20 ม.ค.64

553144

จากเดิมในวันนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 จะเรียกให้พ่อแบม เข้าเครื่องจับเท็จพร้อมกับนางดอน แต่ในช่วงที่มีการรับตัวออกจากที่พัก ย่านปทุมธานี เพื่อไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 1 ได้มีการสลับ ซึ่งได้เชิญนางส้มโอ (นามสมมติ) ไปก่อน เพราพ่อแบมจะถูกเข้าเครื่องจับเท็จในวันที่ 20 ม.ค.64 เพราะเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เวลาพ่อแบมมากกว่าชาวบ้านคนอื่น

เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลกับทีมข่าวเพิ่มเติม เกี่ยวกับลำดับขั้นตอนของวันที่ 20 ม.ค.64 โดยจะมีการเชิญ 2 พยาน เข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งเหลือเพียง พ่อแบม หรือ นายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว และ ด.ช.ก๊วยเจ๋ง ลูกชายน้าเสริม คาดว่าจะให้ ด.ช.ก๊วนเจ๋ง เข้าเครื่องก่อนคนแรก เพราะจะใช้ระยะเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง โดย ด.ช.ก๊วยเจ๋ง เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับแก๊งจำปา และเป็นเด็กที่เล่นกับน้องชมพู่

ขณะที่พ่อแบม จะเป็นคนสุดท้ายสำหรับการเข้าเครื่องจับเท็จ เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 4 ชั่วโมง สำหรับพยานปากสำคัญอย่างพ่อแบม เนื่องจากเป็นบุคคลที่รู้เห็นและยืนยันข้อมูลได้ถูกต้องมากกว่าชาวบ้านรายอื่น ๆ และมีบ้านอยู่ใกล้กับลุงพล ที่ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนตลอดการทำหน้าที่ในพื้นที่มากกว่าชาวบ้านคนอื่น

ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุย พ่อแบม หรือ นายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว ชาวบ้านกกกอก ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาเข้าเครื่องจับเท็จ โดยในวันพรุ่งนี้จะเป็นคิวของพ่อแบม แต่วันนี้ยังคงอยู่ระหว่างการทบทวนลำดับเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ค.63 

654439

พ่อแบม บอกว่า ตนถูกเปลี่ยนตารางการเข้าเครื่องจับ ซึ่งเดิมในวันนี้มีรายงานว่าจะต้องเป็นตนเข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมกับนางดอน มะลิรส แต่ได้เปลี่ยนแปลงเชิญนางส้มโอ (นามสมมติ) เข้าไปแทน แต่ตนทราบเหตุผลจากเจ้าหน้าที่ว่า จะถูกสอบมากกว่าคนอื่น อย่างต่ำ 4 ชั่วโมง จึงได้ให้เวลาคนที่ใช้เวลาน้อยกว่าเข้าไปสอบก่อน เนื่องจากส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง

621381

จากเดิมเคยออกมาให้สัมภาษณ์ กรณีการเจอกับลุงคนในวันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงเวลาประมาณ 09.20-09.40 น. พบเห็นลุงพลกำลังกรีดอย่างอยู่ที่สวนยางข้างบ้าน และได้ยินเสียงหมาเห่า วันที่ 12 พ.ค.63 ซึ่งเป็นการออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่ยังมีข้อมูลอีกบางส่วนที่ตนไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน นอกจากให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

cg_4

ตนได้มีโอกาสพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนางส้มโอ ซึ่งเป็นคนที่พบชายปริศนา เดินสวนลงมาจากเขา บริเวณห้วยบุง หลังบ้านพ่อแบม ซึ่งเป็นช่วงบ่ายของวันที่ชมพู่หาย แต่ยืนยันได้ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะตนกับนางส้มโอได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันแล้ว สำหรับการแต่งกายของชายปริศนาที่เจอ เป็นผู้ชายสวมใส่กางเกงสีดำ จำสีเสื้อไม่ได้ แต่ไม่มีการสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า โดยระดับสายตาการมองเห็นจะอยู่ห่างประมาณ 200 เมตร

titled_1

พ่อแบม ยอมเล่าข้อมูลชุดใหม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง พร้อมทั้งเปิดเผยวันนี้เป็นครั้งแรกให้ทีมข่าวฟังเหมือนกัน ว่า ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 09.00-09.10 น. ตนอยู่ภายในครัวของบ้าน กำลังต้มน้ำเพื่อจะทานยาตอนเช้า ได้ยินเสียงคล้ายคนผูกวัว ซึ่งเป็นการตอกหมุดเลี้ยงวัวดังมาจากสวนมันสำปะหลังหลังบ้าน แต่หลังจากออกไปก็ไม่พบใคร

856413

จนเวลาประมาณ 09.10-09.20 น. พบเห็นชายใส่กางเกงสีดำ จำลักษณะเสื้อไม่ได้ ไม่ใส่หมวกไอ้โมง เดินผ่านจากสวนมันสำปะหลัง เข้าไปที่กอไผ่หลังสวนยางพาราตรงข้ามบ้านลุงพล ซึ่งบริเวณจุดดังกล่าวคือตีนเขาภูเหล็กไฟ และช่วงเวลาประมาณ 09.20-09.40 น. ตนก็ไปเจอกับลุงพล ที่สวนยางพาราตรงข้ามบ้าน

อย่างไรก็ตาม พ่อแบมพูดทิ้งท้ายว่า “ที่ยอมออกมาเปิดเผย ที่ยอมออกมาเล่า เพราะทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว ขอพูดเท่าที่พูดได้” แต่การออกมาให้ข้อมูลครั้งนี้ หรือแม้แต่การมาเข้าเครื่องจับเท็จ ค่อนข้างเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัว เพราะตนมาอยู่กรุงเทพฯ กับตำรวจ แต่ทิ้งให้คนที่บ้านอยู่เพียงลำพัง กลัวว่าคนร้ายตัวจริงจะย้อนกลับไปทำร้ายคนในครอบครัว

144693

พ่อแบม กล่าวอีกว่า จากเดิมที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า พบเจอกับลุงพลในสวนยางตรงข้ามบ้าน ช่วงเวลาประมาณ 09.20-09.40 น. ยังยืนยันเวลาเดิม แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั่งอยู่ที่บ้านแล้วเห็นลุงพลกรีดยาง ตนได้เดินไปคุยกับลุงพล ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการหายไปของน้องชมพู่ (ลุงพลรู้ก่อนใคร) ประกอบกับตนสอบถามเรื่องชายปริศนาที่ตนเจอก่อนที่จะมาเจอลุงพลกรีดยาง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าลุงพลกับตนรู้ดีว่าการเจอกันในสวนยางพูดคุยในประเด็นใด “ลุงพลรู้ดีว่า ในสวนยางวันนั้น เราคุยอะไรกัน”

ทั้งนี้ตนในฐานะคนที่ออกมาให้ข้อมูลค่อนข้างมากเกี่ยวกับตัวของลุงพล หลังจากกลับไปกกกอกครั้งนี้ ก็จะต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพราะคนที่บ้านค่อนข้างเป็นห่วง เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย เกี่ยวกับการออกมาให้ข้อมูล แต่ถ้าเป็นไปได้การจะไปครั้งนี้อาจจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ส่วนกรณีในวันนี้ ที่กรมป่าไม้เข้าทำการตรวจสอบไม้ตะเคียน ที่ลุงพลนำมาวางเอาไว้บริเวณหน้าบ้าน แล้วมีคนมากราบไหว้บูชาขอหวยนั้น พ่อแบม บอกว่า เรื่องนี้ตนขอไม่แสดงความเห็น เพราะเป็นเรื่องระหว่างลุงพลกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยการกระทำดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็คงต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอนว่า นำมาวางถูกต้องหรือไม่ เอามาจากไหน แต่ไม้ตะเคียนดังกล่าวก็คงจะไหลมาจากบนเขาสูง ไหลมาตามลำห้วยหลังบ้านลุงพล ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพัดเอาต้นไม้มาอยู่ในลำห้วย

670147

ส่วนเรื่องของกรณียูทูเบอร์ที่เข้ามาติดตามชีวิตของลุงพล ตนค่อนข้างมีความกังวลเรื่องคนเข้าออก เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้พักอยู่ในหมู่บ้าน ออกไปด้านนอกแล้วกลับมาใหม่ จึงกลัวเรื่องของโรคโควิด-19 ที่จะนำมาแพร่ระบาดให้กับคนในหมู่บ้าน แต่หากอยู่ประจำและไม่ได้ออกไปไหน ก็คงไม่เป็นห่วงมาก แต่ก็มักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากมากขึ้น

585821

โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านสามารถที่จะออกไปใส่บาตรพระได้ตามปกติ และเวลาพระมารับบาตร จะไม่ได้เดินทั่วหมู่บ้านเหมือนที่อื่น จะมีประจำที่พระจะแวะมารับบาตร ซึ่งชาวบ้านก็จะไปรวมตัวกันและยืนรอใส่บาตรที่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ระหว่างที่ชาวบ้านไปยืนรอ ก็จะมีกลุ่มยูทูเบอร์มาถ่ายและไลฟ์สดวิถีชีวิตของชาวบ้าน ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ในการไลฟ์สดแต่ละครั้งก็จะมีคำพูดดูถูกชาวบ้าน ทำนองว่า “อยากออกทีวี อยากออกยูทูบ” ส่วนตัวมองว่าเป็นการเหยียดหยามคนในหมู่บ้าน เพราะปกติชาวบ้านก็ใช้ชีวิตปกติอยู่แล้ว แต่ยูทูเบอร์มาสร้างความวุ่นวายให้ชาวบ้านมากกว่า

สำหรับกรณีการล่ารายชื่อในหมู่บ้าน เพื่อให้ยูทูเบอร์ออกจากหมู่บ้านนั้น ตนลงมาจากกกกอกตั้งแต่วันอาทิตย์ จึงไม่รู้ว่าลูกและภรรยามีการลงชื่อให้แล้วหรือยัง แต่หากตนกลับไปก็คงจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะลงรายชื่อร่วมถอดถอนให้ออกหมู่บ้านหรือไม่ เพราะกำลังวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส