นิมนต์ 2 พระจับเท็จคดีชมพู่ พยานย้ำเงื่อนเวลาไม่ตรง ยันลุงพลอยู่บ้านตอนเด็กหาย (คลิป)

18 ม.ค. 64

กรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แห่งหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ซึ่งขณะนี้เวลาผ่านมาเนินนาน แต่สังคมยังคงไม่ได้ขอสรุปทางคดีกับคำถาม “ใครฆ่าน้องชมพู่” กระทั่งล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวบุคคลที่ใกล้ชิดกับน้องชมพู่เข้าเครื่องจับเท็จ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี

โดยก่อนหน้านี้บุคคลสำคัญอย่าง นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น รวมถึงนายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ นางสาวิตรี แม่ของน้องชมพู่ น้องสะดิ้ง พี่สาวของน้องชมพู่ ถูกเชิญมาเข้าสู่กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ สอบปากคำสัมภาษณ์ ไม่ได้เข้าเครื่องจับเท็จ น้าต่าย น้าเสริม น้าแต และน้าฝน

609815

กระทั่งวันที่ 17 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ได้เชิญตัวบุคคลสำคัญในคดี อีกจำนวน 6 คน ประกอบด้วย พระอาจารย์บุญมา เจ้าอาวาสวัดถ้ำภูผาเเอก, พระสุรัตน์ ถิรวชิโร หรือ ครูบารัตน์ พ่อเเบม, นางดอน และด.ช.ก๊วยเจ๋ง ลูกชายน้าเสริม รวมถึงเเละนางส้มโอ (นามสมมติ) ชาวบ้านกกตูม โดยพาเดินทางมายังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เพื่อเข้าเครื่องจับเท็จในวันที่ 18 ม.ค.64 โดยพยานกลุ่มนี้ถือเป็นพยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 11 พ.ค.63 หลังจากที่น้องชมพู่หายตัวไป

พระอาจารย์บุญมา ซึ่งเป็นพยานที่เคยให้การกับตำรวจ กล่าวยืนยันว่า ช่วงสายของวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา อาตมาได้เจอกับลุงพลบนวัดถ้ำภูผาเเอก ขณะที่ลุงพลขึ้นมารับพระครูบารัตน์

335901

ตอนนั้นได้ยินลุงพลพูดว่า "เกือบไม่ได้ไปส่งพระเพราะหลานหาย" โดยพระอาจารย์บุญมา ยังยืนยันในคำให้การเดิมที่เคยให้กับตำรวจไว้ เเละไม่ได้รู้สึกกังวลที่จะต้องไปเข้าเครื่องจับเท็จ

901605

ทั้งนี้ตำรวจยังได้ไปนิมนต์พระครูบารัตน์ พระที่ลุงพลไปส่งในวันที่น้องชมพู่หาย เพื่อนำไปเข้าเครื่องจับเท็จด้วย อย่างไรก็ตาม จากการตั้งข้อสังเกต กลุ่มพยานที่ตำรวจจะนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จในครั้งนี้ เป็นกลุ่มพยานที่เคยให้ข้อมูลเชื่อมโยงถึงลุงพล อีกทั้งบางส่วนในจำนวนนี้ ยังเคยถูกลุงพลต่อว่า ในลักษณะให้ข้อมูลไม่เป็นความจริง เเต่ทั้งหมดก็ยังยืนยันในคำให้การเดิมมาโดยตลอด

ล่าสุดวันที่ 18 ม.ค.64 ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เป็นไปด้วยความสงบ มีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักมาปักหลักรอหน้าอาคารตั้งแต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทีมข่าวได้รับรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญพยานทั้งหมด 6 คน เข้าเครื่องจับเท็จ โดยใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน แบ่งออกเป็นวันละ 2 คน

วันแรกเป็นคิวของพระอาจารย์บุญมา โดยเจ้าหน้าที่จะถามคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไป แล้วมีการพูดถึงการที่พระอาจารย์ได้ยินว่า “ลุงพลพูดว่าหลานสาวหายตัวไปในเวลาประมาณ 10.00 น.” และคูรบารัตน์ ในประเด็นคล้ายกันเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ลุงพลขับรถไปรับที่วัดภูผาแอก ซึ่งพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป ได้ถูกพาตัวเข้าศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี พร้อมทั้งตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวลา 9.00 น.

475101

วันที่สอง พยานที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ ได้แก่ พ่อแบม ในประเด็นเคยเห็นลุงพลเดินอยู่บริเวณสวนยาง ในเวลาประมาณ 09.00 น. และนางส้มโอ (นามสมมติ) พยานสำคัญ ผู้เห็นลุงพลในช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไป

วันสุดท้าย คือ นางดอน พยานคนสำคัญ ผู้ที่เห็นลุงพลบนวัดถ้ำภูผาแอก และด.ช.ก๋วยเจ๋ง ซึ่งจะถามเกี่ยวกับช่วงเวลาในตอนเช้าที่อยู่กับน้องชมพู่

432857954677

ในวันนี้ทีมข่าวคาดว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาพูดคุยและนำพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เข้าเครื่องจับเท็จประมาณ 6 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ แต่ต่อมาทีมข่าวได้รับรายงานว่า พระครูบารัตน์เข้าเครื่องจับเท็จแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 11.30 น. ต่อมาพระรูปที่ 2 ทำการพูดคุยและเข้าเครื่องจับเท็จแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 13.45 น. 

ทีมข่าวยังได้พบกับนางดอน มะลิรส แม่ครัววัดถ้ำภูผาแอก พยานผู้เห็นลุงพลบนวัดถ้ำภูผาเเอก ในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะที่ลุงพลขับรถขึ้นไปรับพระสุรัตน์ ถิรวชิโร หรือ ครูบารัตน์ ซึ่งในวันนี้นางดอน ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องเข้าเครื่องจับเท็จ

671643

นางดอน กล่าวว่า ตนไม่ตื่นเต้นในการเข้าเครื่องจับเท็จในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับตนให้ทบทวนและพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งตนจะต้องตอบคำถามว่า “ใช่-ไม่ใช่” หรือ “จริง-ไม่จริง”

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าใครบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ ตนไม่รู้ว่าเป็นคนใกล้หรือคนไกล แต่ตนมาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพบเจอ เพราะตนหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่สรุปคดีได้ ตนก็หวังด้วยว่าทุกคนที่เดินทางมาเข้าเครื่องจับเท็จจะพูดแต่ความจริง เพราะคดีนี้นั้นเนินนานเกินไปแล้ว

220111

หากย้อนกลับไปในวันที่ 11 พ.ค.63 ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00 น. หรือ 11.00 น. ตนจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ ขณะนั้นกำลังเก็บกวาดครัวอยู่ เป็นเวลาเดียวกับที่ลุงพลขับรถขึ้นมารับครูบารัตน์ที่วัดถ้ำภูผาแอก เพื่อพาไปส่งยังวัดอื่น ตนได้บอกพระอาจารย์บุญมาว่า “อาจารย์ข้าวเยอะ ขอข้าวให้ลุงพลหน่อยสักกระสอบ ลุงพลไม่มีข้าวกิน” ซึ่งลุงพลก็ได้นำกระสอบข้าวไว้วางบนรถ แต่ตนไม่ได้เห็นขณะที่ลุงพลรับครูบารัตน์ลงจากวัด โดยตนไม่ได้พูดคุยอะไรกับลุงพลมากไปกว่านี้

236737

นางดอน ยังได้พูดถึงลุงพลด้วยว่า ขณะนี้ลุงพลโด่งดังมีชื่อเสียง ตนเข้าไม่ถึงและไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับลุงพล ตนต้องขอโทษลุงพลด้วยที่ตนขอข้าววัดให้ลุงพลในวันนั้น ตนกลัวว่าลุงพลจะคิดว่าตนดูถูก โดยครั้งหนึ่ง “เจ้าจะดังแล้ว ดังแล้วอย่าลืมตัว” ซึ่งลุงพลก็ตอบว่า “ครับ” แต่ตนตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่า ลุงพลเปลี่ยนไปหรือไม่

ด้านนายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว หรือ พ่อแบม ชาวบ้านกกกอก ที่เคยให้ข้อมูลกับอมรินทร์ ทีวี และเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบเจอกับลุงพลอยู่ที่สวนยางใกล้บ้านตัวเอง ในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 11 พ.ค.63 ก็ได้เดินทางมาร่วมเข้าเครื่องจับเท็จในครั้งนี้ พร้อมกับพยานอีก 5 คนด้วย

584788

พ่อแบม กล่าวว่า ตนเพิ่งจะทราบว่าต้องเดินทางมาเข้าเครื่องจับเท็จเพียง 1 วัน ก่อนที่จะเดินทางออกจาก จ.มุกดาหาร ซึ่งขณะที่ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็รู้สึกตกใจและตื่นเต้น เนื่องจากตนไม่เคยเข้าเครื่องจับเท็จมาก่อน อีกทั้งเมื่อเหตุการณ์ผ่านมาหลายเดือน ตนก็เริ่มที่จะเลือนลางจำไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่ง ตนก็รู้สึกดีใจที่ตนจะได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อสรุปคดี

โดยวันนี้ตนได้พูดคุยกับพระอาจารย์บุญมา เกี่ยวกับการเข้าเครื่องจับเท็จ พระอาจารย์บุญมา ได้เล่าว่าเมื่อเข้าเครื่องจับเท็จ จะต้องตอบคำถามต่าง ๆ เท่าที่จะตอบได้ โดยใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 2 ชั่วโมง ตนไม่ทราบว่าระหว่างพระอาจารย์บุญทากับครูบารัตน์ พระรูปใดเป็นรูปที่เข้าเครื่องจับเท็จก่อน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ตนและนางส้มโอ (นามสมมติ) จะต้องเข้าเครื่องจับเท็จ แต่หากมีเวลาเหลือ บุคคลที่เหลืออีก 4 คน อาจจะได้เข้าเครื่องจับเท็จจนครบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งครูบารัตน์กลับวัดแล้ว ส่วนพระอาจารย์บุญมา จะรอให้ขาวบ้านกกกอกทุกคนเข้าเครื่องจับเท็จจนครบก่อน จึงจะเดินทางกลับพร้อมกัน

712974

ทั้งนี้ตนได้ใช้เวลาทบทวนความจำสักระยะ ตนก็จำได้และยืนยันคำให้การเดิมว่า ตนพบเห็นลุงพลในช่วงเช้าของวันที่ 11 พ.ค.63 ในช่วงเวลาระหว่าง 09.00-10.00 น. ซึ่งตนไม่มั่นใจที่จะระบุเวลาที่แน่ชัด แต่หากต้องระบุ ตนจะระบุว่าเป็นช่วงเวลาระหว่าง 09.20-09.40 น.

จากนั้นตนก็ได้พบเห็นลุงพลอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ค.63 ซึ่งเป็นรุ่งเช้าหลังจากที่พบศพน้องชมพู่ โดยตนพบเห็นลุงพลที่บริเวณบ้านของน้องชมพู่ (เสียงสัมภาษณ์พ่อแบมบอก 12 พ.ค. แต่พ่อแบมขอแก้ไขเป็นวันที่ 15 พ.ค. เพราะขณะให้สัมภาษณ์พูดวันผิด) ซึ่งขณะนั้นลุงพลร้องไห้ออกมาพร้อมพูดว่า “เสียใจ ไม่รู้ว่าทำอะไรหลาน”

532670

นอกจากนี้ ตนเคยมีปัญหากับลุงพลเกี่ยวกับไทม์ไลน์เวลาที่ตนให้ข้อมูล แต่ตนก็ขอยืนยันคำเดิน โดยตั้งแต่ตอนที่มีปัญหากัน ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับลุงพลอีก กระทั่งลุงพลมีชื่อเสียง รายล้อมไปด้วยแฟนคลับและกลายเป็นคนละคน ตนก็ยังคงไม่ได้คุยกับลุงพล คาดว่าตนน่าจะเข้าไม่ถึงและไม่มีวาสนาพอ

พ่อแบม ยังได้พูดถึงความเปลี่ยนแปลงของหมู่บ้านกกกอกว่า ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก หมู่บ้านไม่สงบเหมือนเดิม หมู่บ้านไม่รู้จักแบ่งปันเหมือนเดิม หมู่บ้านไม่รักใคร่กันเหมือนเดิม ปัจจุบันชาวบ้านบางกลุ่มเอาเปรียบกัน เอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเอง เพื่อเรียกเงินจากนักท่องเที่ยว ร้านค้าชาวบ้านบางคนก็ทะเลาะกัน เอาขยะไปโยนทิ้งใส่อีกร้านหนึ่ง ส่วนประเด็นยูทูเบอร์ที่กำลังเป็นที่พูดถึง ขณะนี้ชาวบ้านกำลังส่งคำร้องต่อนายอำเภอ เพื่อให้เข้ามาจัดระเบียบของเหล่ายูทูเบอร์ หวังจะเรียกความสงบกลับคืนสู่หมู่บ้าน ตนขอยกตัวอย่างสภาพของยูทูเบอร์ ณ ขณะนี้ ซึ่งจะมีการแบ่งกลุ่มเป็นพรรคพวก หากฝ่ายไหนได้ดีกว่า อีกฝ่ายก็พร้อมจะทำคลิปโจมตี โดยใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ เช่น ให้ชาวบ้านพูดอวยพวกตัวเองและด่าอีกฝ่าย

483765

ทั้งนี้ตนต้องบอกว่ายูทูเบอร์ที่ก่อความวุ่นวายมีเพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากยังมียูทูเบอร์อีกส่วนที่นิสัยดี ช่วยเหลือชาวบ้าน เช่น “บูมน้อย ร้อยเอ็ด” ที่ต้องออกจากหมู่บ้านไป ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเป็นยูทูเบอร์ที่นิสัยดีมาก หากจะกลับมากกกอก ตนและชาวบ้านก็ยินดีต้อนรับ วอนเหล่ายูทูเบอร์ให้มีน้ำใจกับชาวบ้าน ไม่เห็นแก่แต่ประโยชน์ของตัวเอง “พวกคุณอยู่ได้ แต่ขอให้อยู่กับชาวบ้านแบบสงบ”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส